xs
xsm
sm
md
lg

ชาวบ้านกัลยาณิวัฒนาเดือดร้อนทั้งอำเภอ ถนนเข้าออกพังตลอดสาย-รถพยาบาลรับส่งคนป่วยสุดลำบาก-นร.เกิดอุบัติเหตุบ่อย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เชียงใหม่ - ชาวบ้านครวญเดือดร้อนทั้งอำเภอ ถนนสายหลักทางเข้าออกอำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ พังเสียหายตลอดระยะทางกว่า 40 กิโลเมตร รถพยาบาลรับส่งผู้ป่วยแต่ละครั้งสุดยากลำบาก ขณะที่นักเรียนที่เดินทางไปเรียนหนังสือประสบอุบัติเหตุซ้ำซากโดยเฉพาะช่วงฤดูฝน โวยมีแต่ผักชีโรยหน้า พอคนใหญ่คนโตจะเดินทางเข้าพื้นที่ครั้งหนึ่งค่อยเอาดินมาปิดถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อตลอดสาย เสร็จแล้วปล่อยพังเหมือนเดิม


รายงานข่าวแจ้งว่า ประชาชนชาวอำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ ต่างได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักหนาสาหัสจากสภาพทางหลวงหมายเลข 1349 หรือถนนสายมะเมิง-บ้านวัดจันทร์ ที่ชำรุดเสียหายอย่างหนักและยังไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาหรือซ่อมแซม โดยคนขับรถพยาบาลของโรงพยาบาลวัดจันทร์เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ที่กำลังไปส่งผู้ป่วยหนักไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลตัวเมืองเชียงใหม่ ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูงเป็นพิเศษในการขับขี่ผ่านถนนดังกล่าวเนื่องจากเกรงว่าผู้ป่วยจะได้รับผลกระทบ เพราะสภาพถนนถูกน้ำกัดเซาะเป็นหลุมเป็นบ่อเต็มถนนเป็นระยะทางกว่า 2 กม. ซึ่งจุดนี้เป็นเส้นทางคดเคี้ยวขึ้นภูเขาเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทำให้ไม่สามารถใช้ความเร็วได้ ประกอบกับช่วงนี้เป็นฤดูฝนบางครั้งมีน้ำฝนไหลลงมาจากภูเขาหลากบนถนนทำให้การขับรถสัญจรผ่านบริเวณดังกล่าวเป็นไปด้วยความยากลำบาก


ขณะเดียวกัน ผู้นำชุมชนและชาวบ้านทั้ง 3 ตำบล อ.กัลยาณิวัฒนา กว่า 100 คน ได้รวมกลุ่มชุมนุมโดยเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการเข้าตรวจสอบและปรับปรุงถนนสายนี้อย่างเร่งด่วน เนื่องจากมีการชำรุดเสียหายอย่างหนักมาเป็นระยะเวลานาน บางจุดผิวถนนหลุดร่อนมีความหนาไม่ถึง 1 ซม. และเป็นหลุมกว้างขนาดใหญ่เป็นระยะทางหลายกิโลเมตร สร้างความเดือดร้อนและเป็นอันตรายต่อผู้ใช้รถใช้ถนนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเด็กนักเรียนที่ต้องเดินทางไปโรงเรียนทุกวัน ผู้ป่วยวิกฤตหรือฉุกเฉินที่ต้องมีการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลในตัวเมืองเชียงใหม่ รวมทั้งนักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่ที่ต้องสัญจรผ่านถนนสายหลักนี้ หลังจากนั้นชาวบ้านได้ร่วมแรงร่วมใจซ่อมแซมถนนด้วยการนำปูนซีเมนต์มาผสมเททับหลุมตามถนนที่เป็นจุดเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ


ด้านนายธีรภัทร์ ร่มต้นธรรม กำนันตำบลวัดจันทร์ เปิดเผยว่า ถนนเส้นนี้เป็นถนนสายหลักที่ประชาชนใช้ในการเดินทางสัญจรนำพืชผลทางการเกษตรออกไปจำหน่ายและใช้เป็นเส้นทางสัญจร เริ่มก่อสร้างเมื่อปี 2553 มีการนำยางพารามาทดลองทำถนนและไม่มีการทำถนนจริงๆ จนปัจจุบันมีสภาพชำรุดเสียหายทั้งสายเป็นระยะทางกว่า 40 กม. ตั้งแต่บ้านแม่ตะละ ต.แม่แดด ที่เกิดดินสไลด์ 3 จุดตั้งแต่ปีก่อน จนถึงปัจจุบันยังไม่มีการซ่อมแซมจนถึงฤดูฝนปีนี้ ทำให้ชาวบ้านเกรงว่าดินจะทรุดลงไปอีก 

นอกจากนี้ ตลอดระยะทางที่เป็นทางคดเคี้ยวขึ้นเขาผิวถนนเสียหายตลอดระยะทางโดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างบ้านแม่ตะละ-บ้านแม่แดดน้อย และเส้นทางระหว่างบ้านวัดจันทร์-บ้านแจ่มน้อย บริเวณสะพานห้วยแจ่มน้อย อ.กัลยาณิวัฒนา ซึ่งเป็นทางขึ้นเขาผิวถนนเป็นหลุมลึกและกว้างเต็มผิวถนนระยะทางไม่ต่ำกว่า 2 กม. ทำให้ประชาชนที่สัญจรไปมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กนักเรียนและรถโรงพยาบาลที่ผ่านเส้นทางนี้ได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก 

ที่ผ่านมาผู้นำชุมชนในพื้นที่ได้ทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายครั้ง แต่ได้รับคำตอบว่าได้ซ่อมแซมให้แล้วแต่เป็นการปะแปะถนนไม่นานผิวถนนก็เสียหายอีก อย่างไรก็ตาม จากที่ผู้นำชุมชนทุกแห่งในพื้นที่ได้สอบถามชาวบ้านทราบว่าต้องการให้มีการรื้อผิวถนนทั้งหมดเพื่อทำใหม่และขยายผิวถนนให้กว้างขึ้นกว่าเดิม


ขณะที่นายประวิทย์ สุริยมณฑล ผู้อำนวยการโรงเรียนสหมิตรวิทยา กล่าวเสริมว่า ถนนเส้นนี้สร้างมา 10 กว่าปีไม่มีใครมาดูแลเลย เด็กที่ขี่รถผ่านเส้นทางนี้มาเรียนหนังสือจะลำบากมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงฤดูฝนมีเด็กนักเรียนเกิดอุบัติเหตุเกือบทุกวัน เด็กนักเรียนบางคนที่เดินทางไปถึงโรงเรียนเสื้อผ้าจะเลอะเปรอะเปื้อน ถามเด็กก็ได้คำตอบว่าตอนมาโรงเรียนได้เกิดรถล้มบริเวณนี้ บางทีรถใหญ่ที่ขับสวนไปทำให้น้ำกระเด็นใส่เสื้อผ้า 

ตนอยากจะฝากไปถึงผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีหน้าที่ในการดูแลถนนเส้นนี้ได้มาดูความเดือดร้อนของชาวบ้านบ้าง ส่วนตัวแล้วอยากจะให้ปรับปรุงถนนเส้นนี้ทั้งสายและขยายถนนเพิ่มอีกไม่ต้องซ่อมแซม เมื่อเทียบกับถนนที่อยู่ในเมืองสร้างแล้วก็สร้างอีก อย่างไรก็ตาม สังเกตได้ว่าเมื่อมีผู้หลักผู้ใหญ่เดินทางเข้าพื้นที่ อ.กัลยาณิวัฒนา ก็จะมีการเอาดินมาแปะทีหนึ่ง พอผู้หลักผู้ใหญ่กลับไปดินที่แปะถนนก็กลับไปด้วย จึงอยากจะฝากว่าอยากให้ผู้ว่าฯ มาที่นี่ทุกวันถนนจะได้ดีทุกวัน


ด้านนางสาวรัตติกาล สาธุเม พยาบาลวิชาชีพ หัวหน้าห้องคลอด โรงพยาบาลวัดจันทร์เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เปิดเผยว่า จากสภาพของถนนสายดังกล่าวที่เสียหายตลอดระยะทางทำให้การส่งต่อผู้ป่วยหนักไปรักษาโรงพยาบาลในตัวเมืองล่าช้ามากขึ้นเพียงแค่ถนนที่เสียตรงจุดบ้านวัดจันทร์ระยะทาง 2 กม.ทำให้ต้องเดินทางช้า 15-25 นาทีจากปกติที่การส่งต่อผู้ป่วยจากโรงพยาบาลวัดจันทร์ไปรักษาต่อตัวเมืองเชียงใหม่ ใช้ระยะเวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ยิ่งช่วงมีฝนตกลงมาและช่วงกลางคืนด้วยสภาพถนนแบบนี้ก็จะทำให้การส่งต่อผู้ป่วยล่าช้าไปอีก ซึ่งทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายต่อผู้ป่วยโดยเฉพาะผู้ป่วยที่ท้องใกล้คลอดและต้องส่งไปคลอดที่โรงพยาบาลอื่น ต้องนอนอยู่นิ่งๆ บนรถหากได้รับการกระทบกระเทือนจะทำให้เกิดความเสี่ยงที่ผู้ป่วยคลอดเองระหว่างทางได้ 

นอกจากนี้ยังมีผู้ป่วยที่สวมเครื่องช่วยหายใจต้องนอนนิ่งๆ ตลอดทาง ซึ่งแต่ละเดือนทางโรงพยาบาลฯ ได้มีการส่งต่อผู้ป่วย ผู้ป่วยฉุกเฉิน เคสห้องคลอดและผู้ป่วยในไปรักษาโรงพยาบาลในเมืองเฉลี่ย 25-30 ราย นอกจากจะมีผู้ป่วยที่โรงพยาบาลส่งไปรักษาต่อแล้ว ยังมีผู้ป่วยที่ญาตินำมารักษาที่โรงพยาบาลเอง และยังมีผู้ป่วยที่เดินทางมากับเจ้าหน้าที่กู้ภัยบางรายที่เป็นเคสอุบัติเหตุรุนแรงที่ได้รับความกระทบกระเทือนทางสมองและต้องได้รับการรักษาเร่งด่วน ต้องสัญจรผ่านบริเวณดังกล่าวทำให้ได้รับการรักษาล่าช้าเนื่องจากปัญหาสภาพถนนเส้นดังกล่าว


















กำลังโหลดความคิดเห็น