ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- จบมหากาพย์ ศึกแย่งชิงตลาดสุรนครโคราชพันล้าน ตลาดค้าส่งผักผลไม้ใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน ศาลฎีกากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องทายาทเจ้าของที่ดินตลาดไม่ต้องชดใช้ 452 ล้าน ทำให้ที่ดินตลาดตกไปอยู่กับทายาทตระกูล “สุวรรณชาติ” เจ้าของที่ดินเดิมโดยชอบธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ชั้น 2 อาคารสำนักงานตลาดสุรนารี (ตลาดสุรนครเดิม) ต.ในเมือง อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 23 พ.ค. นายยุทธการ ถนอมบุญ พร้อมด้วย นายสุขเกษม สิงหกลางพล และ นายพิชญ์ สนธิ ทนายความ ตลอดจน นายไพโรจน์ สุวรรณชาติ ทายาทของ นายสนิท – นางประกอบ สุวรรณชาติ เจ้าของที่ดินตลาดสุรนารี และ ทายาทอีก 4 คน ประกอบด้วย นางสาวชูศรี สุวรรณชาติ , นางสาวปณยา สุวรรณชาติ และ นางสาวเด่นนภา สุวรรณชาติ ได้เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ถึงผลของคดีความที่มีการฟ้องร้องจากทางโจทก์ (สงวนชื่อ-นามสกุล) ที่ได้ฟ้องร้อง นายปรีชา สุวรรณชาติ หนึ่งในทายาทเจ้าของที่ดินตลาดสุรนารี (ตลาดสุรนครเดิม) ที่มีสิทธิโดยชอบธรรมในกองมรดก
นายพิชญ์ สนธิ ทนายความ เปิดเผยว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นจนมีการฟ้องร้องจนเป็นคดีความกันนั้น เกิดจากก่อนหน้าหน้านี้ ทางทายาทเจ้าของที่ดินตลาดสุรนารี มีการฟ้องร้องกับเจ้าของตลาดสุรนคร ที่มีการมาเช่าตลาดและใช้ชื่อ “สุรนคร” ต่อมาได้มีบุคคลหนึ่ง (สงวนชื่อ-นามสกุล) เข้ามาอาสาติดตามทวงถามมรดก และติดตามที่ดินมรดกคืนจากเจ้าของตลาดสุรนคร โดยเข้ามาพูดจาหว่านล้อมกับ นายปรีชา สุวรรณชาติ ทายาทโดยธรรม 1 ใน 9 ที่มีสิทธิในกองมรดก ให้มอบอำนาจให้กับบุคคลดังกล่าวไปดำเนินการเรื่องมรดก และได้มีการเข้าทำสัญญากันจนเป็นให้เกิดคดีฟ้องร้องกันขึ้น จนศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาให้นายปรีชา สุวรรณชาติ จำเลย ต้องชดใช้เงินให้แก่บุคคลดังกล่าว เป็นจำนวนเงินถึง 452 ล้านบาท เป็นค่าดำเนินการการเรียกร้องสิทธิในกองมรดกของตลาดสุรนารี (ตลาดสุรนครเดิม)
ต่อมา ทางโจทก์ พยายามที่จะบังคับคดี โดยการขายทอดตลาดทรัพย์มรดกดังกล่าว จนวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ โดยให้ยกฟ้องจำเลย คือนายปรีชา สุวรรณชาติ ทำให้สิทธิในการถือครองที่ดินตลาดสุรนารี (ตลาดสุรนครเดิม) ตกไปอยู่กับทายาทโดยชอบธรรม ซึ่งเป็นที่สิ้นสุดมหากาพย์การแย่งชิงตลาดสุรนารี(ตลาดสุรนครเดิม) ที่มีมานานกว่า 5 ปี ลงไป
โดยหลังการแถลงข่าวในครั้งนี้ นายไพโรจน์ สุวรรณชาติ หนึ่งในทายาททั้ง 9 ได้เปิดเผยความรู้สึกว่า หลังจากที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาออกมา ว่า ยกฟ้องนั้น ตนและพี่น้องในตระกูลสุวรรณชาติต่างดีใจและโล่งอกที่ที่ดินของพ่อกับแม่ยังอยู่ เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่เป็นคดีความยาวนานมากว่า 5 ปี ตนและครอบครัวสุวรรณชาติ ต่างกินไม่ได้นอนไม่หลับ รู้สึกเป็นกังวลกับผลของคดีความ เพราะไม่ใช่แค่คดีแพ่งที่ถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย 452 ล้านบาท ยังจะมีคดีทางอาญาอีกหลายคดี ที่ทางโจทก์ซึ่งเป็นคนเดียวกันกับที่ฟ้องแพ่งนั้นได้ฟ้องมาอีกหลายคดี
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของคดีความเก่าที่ชนะคดีทางเจ้าของตลาดสุรนคร(เดิม) ไม่ยอมจ่ายค่าเช่าที่ดินมานานกว่า 30 ปี แต่กลับต้องมาเจอคดีต่ออีก ยิ่งทำให้ครอบครัวสุวรรณชาติทุกคนรู้สึกเป็นกังวล แต่พอคำพิพากษาศาลฎีกาออกมาแล้ว ทำให้ตนและครอบครัวรู้สึกสบายใจ ความทุกข์ต่างๆ หายไป
อย่างไรก็ตามยังเหลือคดีทางอาญาอีกไม่กี่คดีที่ยังอยู่ในศาลอุทธรณ์ ก็คงต้องสู้กันต่อไป ซึ่งหลังจากนี้ จะปรึกษากับทางทนายความว่า จะดำเนินการแจ้งความกลับทางคู่กรณีสำหรับคดีความที่คำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับครอบครัว