ลำปาง – อยู่ยากถึงขั้นนี้แล้ว..ไอ้หนุ่มโรคจิตแถมหลอนยา บอกมีเสียงสั่งในหัวให้ปีนเข้าบ้านสาวแม่ทะ แล้วช่วยตัวเองก่อนทิ้งทิชชูเช็ดอสุจิไว้ให้ดู ย้อนดูวงจรปิดพบก่อเหตุ 7 รอบ-เจ้าของบ้านแจ้ง ตร.บอกทำอะไรไม่ได้มาก ต้องตัดสินใจโพสต์ประจาน
ผู้ใช้เฟชบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ข้อความว่า “ภัยสังคม 7 คืนสำหรับการนอนตี 1 ทุกวันเพื่อรอจับโจรโรคจิต ที่กล้องจับภาพได้ประมาณ 7 คืนครับ นี่คือคลิปบางส่วนครับ 1ปีนรั้วเข้ามาในบ้าน 2พยายามเข้ามาในตัวบ้าน 3แอบฟัง 4ช่วยตัวเองที่โต๊ะม้าหินอ่อนหน้าบ้าน(ตั้งว้อง😆) จับตัวได้..โทรเรียกตำรวจมารับไปฝากขังที่ สภ.แล้วเราก็ตามไป
..สรุปขอให้ท่านตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาตามนี้ 1.บุกรุกยามวิกาล แต่ไม่เป็นผล เพราะตำรวจบอกว่าไม่มีทรัพย์สินอะไรเสียหายและไม่ได้ขโมยของ กฎหมายไม่รองรับครับ 2.งั้นก็แจ้งข้อหาอนาจาร ตำรวจก็บอกว่าไม่ได้ทำต่อหน้าสาธารณชน กฎหมายไม่รองรับครับ 3.งั้นขอเสพขับครับ ตำรวจบอกรอดูพรุ่งนี้ 4.ความผิดชึ่งหน้าละใช่หรือเปล่าครับ 5.ถ้าไม่ได้สักอย่างผมขอเอาไปบำบัด หรือ ไปรักษา จิตเวช 6.งั้นขอลงบันทึกประจำวันไว้นะครับ ok สรุปได้บันทึกประจำวันไว้เผื่อมีอีกรอบจะเปลี่ยนเป็นเรียกกู้ภัยแทน
..มาวันนี้ (22/5/68) เอามาส่งบ้านเรียบร้อยครับ แต่ดีนะได้ใช้กฎหมายข้อที่ 7 ไปก่อนแล้ว คือกฎหมายเถื่อน👊ทางที่ดีเราพี่น้องประชาชนต้องร่วมแรงร่วมใจกัน ต้องสู้กับปัญหาซึ่งหน้าเผื่อเกิดเหตุวันไหนจะได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกันครับ ไม่รู้จะมาถึงคราวตัวเองวันไหนครับ”
พร้อมกับนำคลิปจากกล้องวงจรปิดที่เห็นชายโรคจิตรายดังกล่าวแอบเข้ามาถึงในบ้านหลายวันซ้อนในมุมต่างๆมาลงประกอบด้วย หลังจากนั้นสมาชิกในกลุ่มต่างแชร์เรื่องราวต่อๆกันไปจำนวนมาก
จากการลงพื้นที่พบผู้เสียหาย คือ น.ส.เอ(นามสมมุติ) อายุ 32 ปี และครอบครัว ที่อยู่หมู่บ้านหนึ่งในตำบลบ้านกิ่ว อ.แม่ทะ จ.ลำปาง ซึ่งได้พาดูจุดที่ชายโรคจิตปีนรั้ว – จุดที่ชายโรคจิตนั่งที่ม้านั่งก่อนที่จะทำบางอย่างคล้ายกับการสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง และหลังเสร็จกิจก็ได้นำกระดาษทิชชูมาเช็ดน้ำอสุจิทิ้งถังขยะให้ดูต่างหน้า พร้อมเปิดคลิปที่ชายโรคจิตมายืนแอบฟังข้างหน้าต่าง แอบมองเข้าไปในบ้านหลังจากปีนรั้วเข้ามาในบ้าน และอีกหลายเหตุการณ์ที่ชายโรคจิตบุกเข้ามาที่บ้านมาให้ผู้สื่อข่าวดู
จ้าของบ้าน เปิดเผยว่าชายโรคจิตแอบเข้าบ้านตนมาตั้งแต่ปลายเดือนเม.ย.68 มารู้ตัวเมื่อวันที่ 14 พ.ค.68 เพราะมีชาวบ้านที่ไปหาอึ่งเขาเห็นว่ามีคนเข้ามาในบ้านจึงโทรบอก แต่ตอนนั้นไม่ได้รับสายและได้โทรกลับในเช้าอีกวันจึงรู้เรื่อง จากนั้นจึงเฝ้าระวังตั้งแต่วันที่ 15พ.ค.68 เป็นต้นมา
กระทั่งวันที่ 21 พ.ค.68 ก็เห็นภาพตามปรากกฎในคลิป และได้ไล่ตามไปจนถึงโรงเรียนร้างและแจ้งตำรวจให้มาจับตัว ไปที่โรงพัก แต่เมื่อไปถึงตำรวจไม่รับแจ้งและบอกให้กลับ ตนพยายามบอกว่าชายคนดังกล่าวบุกเข้าบ้านหลายครั้ง แต่ตำรวจอ้างเป็นเหตุไม่ซึ่งหน้า สุดท้ายตนจึงขอลงบันทึกปประจำวันเอาไว้และทราบว่าในวันถัดมาก็ปล่อยตัวชายคนดังกล่าวกลับบ้าน จึงรู้สึกไม่สบายใจนำเรื่องราวไปโพสต์เพื่อเตือนภัย
จากการตรวจสอบภาพวงจรปิดย้อนหลังพบว่าชายคนดังกล่าวแอบเข้ามาที่บ้านตั้งแต่ 4 พ.ค.68 และอีกหลายครั้งเรื่อยมาซึ่งตนมาทราบเมื่อวันนที่ 14 พ.ค. และชายคนดังกล่าวพยายามทักมาขอเป็นเพื่อนและทิ้งข้อความว่าขอ....อีก จึงอยากให้จนท.นำตัวไปดำเนินคดีเพราะถือว่าเป็นบุคคลอันตราย ตอนนี้ตนก็กลัวว่าจะไม่ปลอดภัยและหากเขามีอาการทางจิตก็ต้องนำตัวไปรักษาไม่ใช่ปล่อยไว้แบบนี้
ด้านนายนพรัตน์ ธรรมวันตา อดีตสารวัตรกำนัน เปิดเผยว่าชายคนดังกล่าว เป็นคนต่างหมู่บ้านอายุ 24 ปี เคยมีพฤติกรรมแบบนี้มาแล้วหลายครั้งและเคยมีประวัติเสพยาเสพติดมาก่อน ที่สำคัญมักจะพกเป้ติดตัวมีทั้งเสื้อผ้าแก้วน้ำพร้อมที่จะพักค้างคืนที่ไหนก็ได้ตลอดเวลา ถือว่าอันตรายมากชาวบ้านเขาก็กลัว อีกทั้งในระแวกบ้านเขาก็เคยมีเหตุการณ์ชุดชั้นในหายอีกจึงอยากให้ตำรวจเร่งดำเนินคดีหรือนำไปบำบัดหากเขาเป็นโรคจิต
ล่าสุด พ.ต.ท.จีรเดช จันทร์อ่อน รองผกก.(สอบสวน)สภ.แม่ทะ ได้ให้ชุดสืบสวนไปควบคุมตัวชายคนดังกล่าวมารับทราบข้อหาเพิ่มเติม พร้อมเปิดเผยว่าตอนเกิดเหตุ จนท.สายตรวจสภ.แม่ทะ ได้ออกระงับเหตุและควบคุมตัวชายคนดังกล่าวมาที่สภ.แม่ทะแล้ว แต่เนื่องจากไม่ใช่เหตุซึ่งหน้าจนท.จึงทำอะไรไม่ได้มาก เบื้องต้นจึงได้ตรวจฉี่และพบว่าฉี่เป็นสีม่วง ก็เตรียมจะส่งตัวไปบำบัด และได้ให้ผู้เสียหายมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนเพิ่มเติมและให้ชุดสืบสวนไปนำตัวชายคนดังกล่าวมารับทราบข้อกล่าวหา
“เขารับสารภาพว่าบุกเข้าบ้านผู้เสียหายถึง 7 ครั้งจริง เพราะมีเสียงสั่งมาจากในหัวตัวเองและยังรับว่าเสพยาเสพติดจริง จนท.จึงแจ้งข้อหาบุกรุกเคหะสถานในเวลากลางคืนและเสพยาเสพติด ส่งตัวดำเนินคดีและนำตัวฝากขังต่อไป”