ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - หนุ่มขับแกร็บสุดเซ็ง ถูกลูกค้าสาวเมาอ้วกและปัสสาวะใส่รถแต่ขอจ่ายค่าเสียหายให้เพียง 1 พันบาท ตกลงกันไม่ได้ สุดท้ายต้องไปโรงพักแจ้งความให้ตำรวจ สภ.เมืองโคราชช่วย
วันนี้ (22 พ.ค. 68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีสมาชิกผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Phiphat Charoenphonwattanakul โพสต์ภาพ และข้อความลงในกลุ่ม GRAB korat ซึ่งเป็นภาพรถยนต์ของผู้โพสต์ที่มีอาชีพขับรถยนต์รับจ้างผ่านแอปพลิเคชันแกร็บ (Grab) ถูกลูกค้าหญิงสาวรายหนึ่งอาเจียน และปัสสาวะใส่รถเนื่องจากมีอาการมึนเมา แต่ไม่สามารถเจรจาตกลงค่าเสียหายกันได้
โดยระบุข้อความว่า “ลูกค้าอ้วก+ปัสสาวะ ผมขอเขาแค่ 1,500 ไม่ยอมให้ผม ไล่ให้ผมไปแจ้งความ ลูกค้าอ้างบอกว่าเป็นเจ้าของคาร์แคร์อยู่ กทม. มันไม่ได้เปื้อนมาก บอกให้ผมเอาทิชชูเช็ดแล้วไปวิ่งงานต่อ ถ้าผมแจ้งความ ลูกค้าจะแจ้งกลับให้ตำรวจตรวจสอบใบขับขี่ ภาษี พ.ร.บ.ว่ารถผมเสียภาษีถูกต้องตามกฎหมายไหม ไปเรื่อยเลยครับ สุดท้ายไปไกล่เกลี่ยกันที่โรงพักครับ ไกล่เกลี่ยไม่ได้ ลูกค้าให้ผมแค่ 1,000 บาทไม่เกินนี้ ถ้าไม่ยอมก็ให้ผมแจ้งความดำเนินคดีเลย เขาบอกเขามีทนายส่วนตัว เขาไม่ผิด พอดีผมใช้คำพูดเจรจาไม่ค่อยเก่งครับเลยมีพี่ๆ ที่วิ่งงานด้วยกันมาช่วยคุยให้”
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบทราบว่าผู้โพสต์คลิปภาพดังกล่าวคือ นายพิพรรธน์ เจริญพรวัฒนากุล อายุ 26 ปี ชาวอำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนที่ สภ.เมืองนครราชสีมาเมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. ของวันที่ 21 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดย นายพิพรรธน์ ซึ่งมีอาชีพขับแกร็บได้ขับขี่รถยนต์ยี่ห้อ NETA V สีขาว คันหมายเลขทะเบียน งว 6070 นครราชสีมา ไปรับผู้โดยสารหญิงรายหนึ่งจากสถานบันเทิงแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา โดยให้ไปส่งที่โรงแรมแห่งหนึ่งในซอยสุรนารายณ์ 11 ต.ในเมือง อ.เมือง จ. นครราชสีมา ราคาค่าจ้าง 65 บาท ซึ่งระหว่างทางผู้โดยสารหญิงได้อาเจียนและปัสสาวะใส่รถของนายพิพรรธน์เนื่องจากผู้โดยสารหญิงรายดังกล่าวมีอาการมึนเมา
หลังเกิดเหตุ นายพิพรรธน์ เจ้าของรถ และผู้โดยสารหญิงไม่สามารถตกลงเรื่องค่าเสียหายกันได้ ซึ่งนายพิพรรธน์ ผู้ขับขี่ ได้เรียกค่าเสียหายเป็นค่าล้างรถ จำนวน 1,500 บาท แต่ทางฝ่ายผู้โดยสารหญิงต้องการจ่ายให้เพียง 1,000 บาทเท่านั้น
หลังเจรจาไกล่เกลี่ยกันอยู่นาน คู่กรณีทั้งสองฝ่ายก็ยังไม่สามารถตกลงกันได้ พนักงานสอบสวนจึงได้ให้นายพิพรรธน์ ผู้ขับขี่แจ้งความไว้เป็นหลักฐาน และจะได้เรียกคู่กรณีทั้งสองฝ่ายมาตกลงเรื่องค่าเสียหายกันอีกครั้งในภายหลัง