ยโสธร - ใครจะเชื่อว่าทุ่งกุลาร้องไห้อันได้ชื่อว่าเป็นพื้นที่แห้งแล้งและเป็นดินทรายจะปลูกราชาแห่งผลไม้อย่างทุเรียนได้ แต่สวนทรายทองทำลายทฤษฎีทางการเกษตรนี้ไปแล้ว โดยปลูกทุเรียนกว่า 80 ต้นเจริญเติบโตและปีนี้ให้ผลดกมาก ซ้ำลูกไซส์ใหญ่เนื้อแน่นมีสีเหลืองอ่อน กลิ่นไม่ฉุน เมล็ดลีบเล็ก รสชาติอร่อย เจ้าของสวนตั้งชื่อว่า “ทุเรียนทุ่งกุลา”
“สวนทรายทอง” เป็นสวนทุเรียนพันธุ์หมอนทองที่ปลูกในพื้นที่จำนวน 2 ไร่ ตั้งอยู่ที่บ้านพลไว ต.คูเมือง อ.มหาชนะชัย จ.ยโสธร เจ้าของสวนเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหญิง ได้ปรับเปลี่ยนพื้นที่การเกษตรจากที่เคยปลูกมันสำปะหลังมานาน หันมาทดลองปลูกทุเรียนพันธุ์หมอนทอง เริ่มต้นปลูกเมื่อปี พ.ศ. 2561 โดยซื้อต้นพันธุ์มาจากอำเภอขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ นำมาปลูกในพื้นที่ที่เป็นดินทรายมีแต่ความแห้งแล้งและเป็นพื้นที่ของทุ่งกุลาร้องไห้
อย่างไรก็ตาม ด้วยการบริหารจัดการน้ำที่ดี ทำให้ต้นทุเรียนเจริญเติบโตได้เป็นอย่างดี สามารถให้ผลผลิตและติดลูกมาแล้ว 2 ปี และปีนี้เป็นปีที่ 3 แต่ในช่วง 2 ปีแรกติดลูกไม่มากนัก แต่มาปีนี้ติดลูกดกทุกต้น โดยในสวนมีทุเรียนทั้งหมดจำนวน 85 ต้น ติดลูกประมาณ 60 ต้น รวมลูกทุเรียนในสวนที่รอเก็บขายไม่ต่ำกว่า 600 ลูก แต่ละลูกมีน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 2 กิโลกรัม และขณะนี้ทุเรียนเริ่มทยอยแก่พร้อมตัดลูกส่งขายได้แล้ว ซึ่งเจ้าของสวนได้ตั้งชื่อให้ว่าเป็น “ทุเรียนทุ่งกุลา”
เนื่องจากเป็นทุเรียนเพียงสวนเดียวเท่านั้นที่สามารถปลูกในพื้นที่ของทุ่งกุลาร้องไห้ ที่มีแต่ความแห้งแล้งและเป็นดินทรายล้วนๆ แล้วทุเรียนเจริญเติบโตได้ดี ถือว่าประสบผลสำเร็จเกินคาด และความพิเศษของทุเรียนทุ่งกุลา คือ ลูกขนาดใหญ่ เนื้อแน่นมีสีเหลืองอ่อน กลิ่นไม่ฉุน เมล็ดลีบเล็ก ปริมาณเนื้อเยอะรสหวานกรอบละมุนในปาก จนเป็นที่สนใจของกลุ่มที่ชื่นชอบรับประทานทุเรียนต่างพากันเข้าไปจับจองทุเรียนที่ยังอยู่บนต้นไปบางส่วนแล้ว
โดยเจ้าของสวนเปิดราคาหน้าสวนอยู่ที่กิโลกรัมละ 200 บาท และขณะนี้ทุเรียนก็เริ่มทยอยแก่พร้อมเก็บส่งขายให้ลูกค้ากันแล้ว ผู้ที่สนใจก็สามารถเข้าไปจับจองหรือชมสวนได้ทุกวัน หรือโทรศัพท์สอบถามล่วงหน้าได้ที่เบอร์ 08-1390-4091
นางทอง ประสานสืบ อายุ 51 ปี เจ้าของสวนทรายทอง เล่าเพิ่มเติมว่า แรงจูงใจที่ทำให้เปลี่ยนจากไร่มันสำปะหลังมาเป็นสวนทุเรียน เนื่องจากหลายปีก่อนเคยไปชมสวนทุเรียนที่อำเภอขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ เห็นแล้วสนใจอยากปลูกทุเรียน จึงนำต้นพันธุ์มาทดลองปลูกที่บ้าน จำนวน 2 ต้น แล้วปรากฏว่าปลูกได้ ไม่ตายจึงตัดสินใจลงทุนซื้อต้นพันธุ์มาปลูกในพื้นที่ตรงนี้จำนวน 85 ต้น หลังจากนั้นจึงเอาใจใส่ดูแลบำรุงต้นทุเรียนด้วยตนเอง โดยเฉพาะการบริหารจัดการน้ำต้องทำให้เหมาะสมกับความต้องการของต้นทุเรียน จนสามารถเจริญเติบโดได้เป็นอย่างดี
นางทองบอกอีกว่าวิธีการดูแลต้นทุเรียนก็ศึกษาจากยูทูบและโซเชียลต่างๆ จนกระทั่งเมื่อปี 2565 เริ่มติดลูกเป็นปีแรก แต่ติดลูกไม่เยอะพอให้ได้ชิมรสชาติ ปีที่ผ่านมาให้ลูกเพิ่มขึ้นประมาณ 100 ลูก จึงเก็บส่งขายให้ลูกค้าได้ทดลองชิม จนเป็นที่ถูกปากของหลายๆ คน จนต้องสั่งจองกันล่วงหน้า และในปีนี้ทุเรียนในสวนของตนติดลูกดกมาก ประมาณ 60 ต้น ไม่ต่ำกว่า 600 ลูก ตอนนี้ทุเรียนก็เริ่มทยอยแก่และสุกแล้วพร้อมที่จะเก็บส่งขายได้
“มีบางส่วนที่มีคนสั่งจองเอาไว้แล้ว ทางเราตั้งชื่อทุเรียนในสวนว่าทุเรียนทุ่งกุลาฯ เพราะเป็นทุเรียนที่ปลูกในพื้นที่ของทุ่งกุลาร้องไห้ที่มีแต่ความแห้งแล้งและเป็นดินทรายล้วนๆ และความพิเศษของทุเรียนทุ่งกุลาฯ คือลูกขนาดใหญ่ เนื้อแน่นมีสีเหลืองอ่อน กลิ่นไม่ฉุน เมล็ดลีบเล็กปริมาณเนื้อเยอะ รสหวานกรอบ” นางทองกล่าวย้ำอย่างภาคภูมิใจ