กาญจนบุรี - ตร.กาญจน์ ตั้งค่าหัว 1 แสนบาท ล่า 4 โจรโหดฆ่าดีเจเตเต้ หมกป่าเพจตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรีโพสต์ภาพ 4 ผู้ต้องหา ฆาตกรรมอำพรางดีเจหนุ่ม พร้อมหมายจับ 5 ข้อหาหนัก – วอนประชาชนแจ้งเบาะแสด่วน!
จากกรณี เกิดเหตุสะเทือนขวัญ นายวราพงษ์ ขุนศรีจตุรงค์ หรือ “ดีเจเตเต้” อายุ 33 ปี ถูกคนร้ายลักพาตัวไปตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2568 กระทั่งวันที่ 18 พฤษภาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจพบศพในป่าละเมาะ พื้นที่หมู่ 3 บ้านทุ่งนานางหรอก ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี สภาพศพถูกยิงที่ศีรษะ 2 นัด แขนทั้งสองข้างถูกมัดไขว้ด้วยเชือก
หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.พรชัย ชะลอเดช ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุรยุทธ เมฆมังกร ผู้กำกับการ สภ.เมืองกาญจนบุรี และชุดสืบสวน ได้เร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อคลี่คลายคดี โดยมี พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ลงพื้นที่สั่งการด้วยตัวเอง พร้อมออกหมายจับ 4 ผู้ต้องสงสัย
ล่าสุดวันนี้ 21 พ.ค.68 เพจกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ได้นำภาพ 4 ผู้ต้องหามาโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก เพื่อประกาศจับโดยมีเงินรางวัลนำจับ จำนวน 100,000 บาท พร้อมระบุว่า !!!พบเห็นแจ้งเบาะแส ได้ที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี หมายเลขโทรศัพท์ 034-620711 หรือโทรสายด่วน 191 สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 4 รายที่กำลังหลบหนีศาลจังหวัดกาญจนบุรี ได้อนุมัติหมายจับ
ใน 5 ข้อหา กระทำความผิดฐาน 1.“ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปและเป็นการกระทำโดยอ้างอำนาจอั้งยี่หรือซ่องโจร ไม่ว่าอั้งยี่หรือซ่องโจรนั้นจะมีอยู่หรือไม่
2.ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน,ร่วมกันลอบฝั่ง เผา ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิด การตายหรือเหตุแห่งการตาย, 3.ร่วมกันกระทำใดๆแก่ศพหรือสภาพแวดล้อม ในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป,
4.ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุมและร่วมกันช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษหรือให้รับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด,
และ
5.ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และ พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสารธารณะ โดยไม่มีใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวโดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนสมควรแก่พฤติการณ์ และ ซ่องโจร