บุรีรัมย์ - อดีตทหารที่บุกทวงศพพี่สาวจากสถานปฏิบัติธรรมบุรีรัมย์โร่แจ้งความ ร้องศูนย์ดำรงธรรมและ สธ. หลังติดใจขั้นตอนการเอาศพออกจาก รพ. และโฉนดที่ดินมรดกหายไปหลายแปลง ขณะคนเคยทำงานในสถานธรรม และเหยื่อที่ถูกหลอกลวงหลงเชื่อสูญเงินทองโผล่แฉพฤติกรรมการแสวงหาประโยชน์เพียบ
จากกรณีที่ ร.อ.จิรภัทร ร่วมวงศ์สมบูรณ์ อายุ 61 ปี อดีตข้าราชการทหารประจำอยู่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ แต่มีภูมิลำเนาอยู่ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ เข้าแจ้งขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ กรณีที่ น.ส.จันท์ทา อายุ 62 ปี พี่สาวซึ่งเสียชีวิตด้วยอาการปอดติดเชื้อ ที่ รพ.นางรอง เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 68 ที่ผ่านมา แต่ทางสถานปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่งใน อ.นางรอง ซึ่งนางจันท์ทาผู้เป็นพี่สาวไปปฏิบัติธรรมก่อนจะเสียชีวิต ได้ติดต่อรับศพออกจาก รพ.ไปตั้งประกอบพิธีทางศาสนาภายในสถานปฏิบัติธรรมโดยไม่ยอมแจ้งญาติ
ร้อยเอก จิรภัทร ในฐานะน้องชาย ซึ่งยังมีชีวิตอยู่เพียงคนเดียว เนื่องจากพ่อแม่และพี่คนอื่นๆ เสียชีวิตไปหมดแล้ว ก็ได้ไปทวงศพพี่สาวจากสถานปฏิบัติธรรมดังกล่าวเพื่อมาประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิดใน อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 17 พ.ค. 68 ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้ (20 พ.ค. 68) ร.อ.จิรภัทรได้นำเอกสารหลักฐานเข้าแจ้งความที่ สภ.นางรอง พร้อมร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ และร้องสาธารณสุขอำเภอนางรอง เพราะคาใจกรณีที่สถานธรรมนำศพพี่สาวออกจาก รพ.ไปจัดงานได้อย่างไรทั้งที่ไม่ใช่ญาติ ทั้งยังพบว่าโฉนดที่ดินซึ่งเป็นมรดกตกทอดจากพ่อแม่จำนวนหลายแปลงหายไป จึงเชื่อว่าการแอบนำศพออกจาก รพ.ไปจัดงานศพเองน่าจะหวังประโยชน์จากผู้ตายและเกี่ยวข้องกับโฉนดที่ดินที่หายไปหรือไม่ และอาจจะมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปรู้เห็นกับการแสวงหาประโยชน์ของสถานปฏิบัติธรรมดังกล่าวด้วย จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบสถานปฏิบัติธรรมแห่งนี้ หากกระทำผิดจริงก็อยากให้ดำเนินการตามกระบวนการกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ ล่าสุดมีผู้ที่เคยทำงานในสถานธรรมแห่งนี้ รวมถึงพระ และโยมที่เคยตกเป็นเหยื่อถูกสถานธรรมหลอกลวงเอาทรัพย์สิน ออกมาแฉพฤติกรรมการแสวงหาประโยชน์ของเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้หลายราย เช่น ทำทีดูดวงแล้วทักดวงไม่ดีอ้างจะต้องทำพิธีสะเดาะเคราะห์ สวดลงยันต์เขียนอักขระให้ที่มือ, รักษาคนป่วยด้วยการอมน้ำแล้วพ่นใส่, อ้างว่าดูดวงอดีต ปัจจุบัน อนาคตได้ ถ้าใครไม่เชื่อจะมีอันเป็นไป เช่น จะอายุสั้น ซึ่งผู้ที่ออกมาเปิดเผยพฤติกรรมก็มีคลิปขณะทำพิธีมาเป็นหลักฐานด้วย
จากนั้นทีมข่าวได้เดินทางไปสอบถาม นางประไพ อายุ 74 ปี ชาวอำเภอชำนิ เล่าให้ฟังว่า เคยไปที่เรือนธรรมแห่งนี้เนื่องจากรู้จักกับอาจารย์เจ้าของสถานธรรม แต่เวลาจะเข้าหาเขาก็จะต้องกราบทั้งหมด 9 ครั้ง กราบแบบหงายมือขึ้น ช่วงแรกเขาพูดหว่านล้อมให้หลงเชื่อจนสนิทใจว่าเขาจะสามารถทำให้มั่งมีร่ำรวยอยู่เย็นเป็นสุขได้ เพราะเชื่อว่าเขาศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งตอนนั้นเขาได้เคี้ยวหมากและพ่นน้ำหมากให้ตน รวมทั้งอมน้ำเสกน้ำพ่นใส่ ก็รู้สึกว่ามันดีขึ้น ด้วยความที่หลงเชื่อก็เสียเงินทำบุญไปครั้งละ 5,000 บาท และซื้อของไปถวายอีกหลายครั้ง กระทั่งได้ไปหาพระที่วัดพระท่านจึงเตือนสติว่าอย่าไปหลงเชื่อจะเสียเงินเสียทอง
ด้าน นางลำพึง อายุ 59 ปี ชาวบ้านอีกคนก็เล่าฟังว่า ที่ผ่านมาก็เคยไปทำบุญกับสถานธรรมแห่งนี้บ่อย เขามักจะจัดกิจกรรม โดยการทำพิธีสวดและบูชาต่างๆ ซึ่งตนเคยเอาแหวนเงินทองให้กับสถานธรรมแห่งนี้ประมาณ 1 บาท จากนั้นสถานธรรมแห่งนี้บอกตนว่าอยากให้ตนไปแต่งงานใหม่โดยจะต้องไปแต่งงานที่ภาคเหนือ ซึ่งตนก็ไปแต่งที่เชียงใหม่ แล้วบอกว่าหากตนไม่ไปแต่งงานก็จะอยู่กินกับสามีไม่รอด ตนยอมทำโดยการเดินทางไปแต่งงานและค่าใช้จ่ายออกให้คนที่ไปร่วมงานด้วยทั้งหมดเบ็ดเสร็จแล้วเสียเงินไป 40,000 บาท กลับมาก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรดีขึ้นเลย กระทั่งเห็นข่าวที่มีการบุกทวงศพพี่สาว จึงเชื่อว่าสถานธรรมแห่งนี้น่าจะมีพฤติกรรมในการแสวงหาประโยชน์จากคนที่หลงเชื่อ
