เชียงใหม่ – ตำรวจหางดง เตรียมส่งสำนวนและผู้ต้องหาส่งฟ้องแล้วพรุ่งนี้(20 พ.ค.68) คดีรอง ผอ.โรงเรียนขับรถยนต์ทับเด็กชายอายุ 14 ปี เสียชีวิตคาที่ หลังแม่ร้องขอความเป็นธรรมผ่านสื่อมวลชนทำคดีคืบหน้าทันตาเห็น ทั้งที่ก่อนหน้านี้ผ่านมานาน 6 เดือน ไร้วี่แวว โดยผู้กำกับฯ ยืนยันไม่ได้ปล่อยปละละเลยและให้ความธรรมจนถึงที่สุด
ความคืบหน้ากรณีที่แม่ของเด็กชายอายุ 14 ปี ร้องเรียนขอความเป็นธรรมผ่านสื่อมวลชนเกี่ยวกับคดที่ลูกชายประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตเมื่อช่วงเย็นวันที่ 29 พ.ย.67 ระหว่างทางที่ขี่รถจักรยานยนต์กลับจากโรงเรียนหางดงรัฐราษฎร์อุปถัมภ์ อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อกลับบ้านและจะไปช่วยแม่ขายของที่ตลาด ซึ่งจากพยานหลักฐานทราบว่าคู่กรณีเป็นรองผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอสันทราย ที่ยอมจอดรถลงมาดูอาการหรือให้การช่วยเหลือ แต่กลับขับรถออกไปจากที่เกิดเหตุ ก่อนที่วันรุ่งขึ้นค่อยมาแสดงตัวต่อพนักงานสอบสวน ซึ่งคดีดังกล่าวผ่านมานานกว่า 6 เดือนแล้ว ปรากฏว่าคดีไม่มีความคืบหน้า
รายงานข่าวแจ้งว่า วันนี้(19 พ.ย.68) ที่สถานีตำรวจภูธรหางดง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ นางสุดใจ ดอนไพรศรี อายุ 38 ปี แม่ของเด็กชายภูมิพัฒน์ ดอนไพรศรี หรือ “น้องไทเกอร์” ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุดังกล่าว พร้อมด้วยทนายความ เข้าพบ พ.ต.อ.จักรียุทธ โชติวชิระพงศ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหางดง ซึ่งเพิ่งเข้ารับตำแหน่งใหม่เมื่อไม่กี่เดือนมานี้ เพื่อพูดคุยสอบถามเกี่ยวกับความคืบหน้าของคดี ตามที่ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหางดง ได้เชิญทางฝ่ายแม่ของ “น้องไทเกอร์” ให้เข้าพบ จากการประสานงานของสื่อมวลชน
ทั้งนี้ พ.ต.อ.จักรียุทธ เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น ได้โทรศัพท์สอบถามทางสารวัตรสอบสวนเจ้าของคดีที่กำลังฝึกอบรมอยู่ และยืนยันไม่ได้ปล่อยปละละเลยคดีนี้แต่อย่างใด โดยจะมีการส่งสำนวนและตัวผู้ต้องหาไปส่งฟ้องต่ออัยการจังหวัดเชียงใหม่ในวันพรุ่งนี้(20 พ.ค.68) เบื้องต้นมีการตั้ง 2 ข้อหา ได้แก่ ขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และชนแล้วหนี ส่วนการที่ฝ่ายผู้เสียหายมีความเป็นห่วงกังวลใจนั้น อาจจะเนื่องมาจากการสื่อสารที่ไม่เข้าใจตรงกัน ทั้งนี้ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหายอย่างแน่นอน พร้อมกันนี้ได้สั่งการกำชับพนักงานสอบสวนและตำรวจที่เกี่ยวข้องให้มีการตรวจสอบและเช็คทุกคดีอย่างละเอียดด้วย
ด้านนนางสุดใจ ดอนไพรศรี อายุ38 ปี แม่ของไทเกอร์ บอกว่า หลังที่มีความกังวลมานานประมาณ 6 เดือน แต่หลังจากที่ได้มีการประสานให้ได้พบกับทางผู้กำกับการสถานีตำรวจแล้ว ทำให้รู้สึกสบายใจขึ้นมาก โดยได้มีการรับปากว่าทางตำรวจจะช่วยติดตามเรื่องให้ถึงที่สุด และในพรุ่งวันนี้(20 พ.ย.68)จะส่งสำนวนและผู้ต้องหาฟ้องต่ออัยการจังหวัดเชียงใหม่แล้ว
ขณะที่นายดำรง บุญประคอง ทนายความ บอกว่า หลังจากที่สื่อมวลชนมีการนำเสนอข่าวไปแล้ว ปรากฏว่าการดำเนินการต่างๆ เป็นไปอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ไม่มีความคืบหน้ามานาน โดยพรุ่งนี้(20 พ.ค.68) ทางตำรวจเตรียมที่จะส่งสำนวนคดีและผู้ต้องหาส่งฟ้องแล้ว ซึ่งต้องขอบคุณทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และสื่อมวลชนที่ช่วยนำเสนอข่าว เพื่อช่วยให้ทางฝ่ายผู้เสียหายได้รับความเป็นธรรม และนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย
รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากที่เข้าพบผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหางดงแล้วนั้น นางสุดใจ ได้นำไปดูบริเวณจุดเกิดเหตุ พบว่าเป็นถนนสายรองในชุมชน ที่มีเพียง 2 ช่องจราจร ซึ่งไม่เหมาะที่จะใช้ความเร็ว โดยจุดที่ “น้องไทเกอร์” เสียชีวิตนั้น อยู่ใกล้ทางโค้ง พบว่าหลังจากเกิดเหตุ ได้มีการนำป้ายเตือนชะลอความเร็วมาติดตั้งไว้ทันที ซึ่งเส้นทางนี้เป็นทางเลี่ยงถนนใหญ่สายเชียงใหม่-ฮอด ที่รถพลุกพล่าน และนักเรียนนิยมใช้เส้นทางนี้สัญจรไปกลับโรงเรียน อย่างไรก็ตามพบว่ายังมีผู้ขับขี่บางรายที่ยังคงใช้ความเร็ว โดยเฉพาะรถยนต์ ซึ่งในส่วนของคู่กรณีที่มีตำแหน่งเป็นรองผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งนั้น คาดว่าน่าจะมีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่อำเภอหางดง เช่นกัน ซึ่งในวันเกิดเหตุน่าจะกำลังเดินทางกลับบ้านพัก
