xs
xsm
sm
md
lg

แม่ร้องขอความเป็นธรรมคดีลูกชายวัย14ถูกรอง ผอ.โรงเรียนขับรถทับตาย – ตร.หางดงทำคดี6เดือน ไม่คืบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เชียงใหม่ - แม่เด็กชายวัย 14 ปี ร้องสื่อ ลูกชายเกิดอุบัติเหตุรถแฉลบล้ม แต่ถูกรถของรองผู้อำนวยการโรงเรียนของรัฐ วิ่งสวนทางมาทับร่างซ้ำจนลูกเสียชีวิต ก่อนที่จะขับรถหนี ไม่มีแม้แต่จะมาร่วมงานศพหรือติดต่อขอขมา ผ่านมา 6 เดือน คดีไม่คืบหน้า ตำรวจเจ้าของคดีที่ สภ.หางดง จ.เชียงใหม่ บอกว่าคู่กรณีไม่ว่าง ขณะที่ทนายไปตามคดีที่อัยการจังหวัดพบว่ายังไม่มีสำนวนคดีนี้เข้ามา วอนสื่อช่วยเร่งคดี เพราะคู่กรณีเป็นข้าราชการระดับสูงระดับผู้บริหาร กลัวจะไม่ได้รับความเป็นธรรม สุดคิดถึงลูกชายเป็นเด็กยอดกตัญญู นักเรียนดีเด่น ผลการเรียนดี และนักกิจกรรม เลิกเรียนต้องมาช่วยแม่ขายของหาเงินเรียน


รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า นางสาวสุดใจ ดอนไพรศรี อายุ 38 ปี พร้อมทนายความ ร้องเรียนขอความเป็นธรรมผ่านสื่อมวลชน เกี่ยวกับคดีที่ลูกชาย ชื่อ อายุ 14 ปี เด็กชายภูมิพัฒน์ ดอนไพรศรี หรือน้องไทเกอร์ เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเมื่อวันที่ 29 พ.ย.67 เวลาประมาณ 16.30 น.ระหว่างขี่รถจักรยานยนต์กลับจากโรงเรียนหางดงรัฐราษฎร์อุปถัมภ์ อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อกลับบ้านและจะไปช่วยแม่ขายของที่ตลาด ซึ่งจากพยานหลักฐานทราบว่าคู่กรณีเป็นรองผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอสันทราย โดยตำรวจที่รับผิดชอบคดีบอกว่าขอเวลทำงาน แต่ผ่านมานานกว่า 6 เดือนแล้ว ปรากฏว่าคดีไม่มีความคืบหน้าและยังมีการสื่อสารคล้ายข่มขู่อีกด้วยว่าห้ามนำเรื่องไปเปิดเผยกับสื่อมวลชน

สำหรับอุบัติเหตุดังกล่าวนั้น ช่วงที่น้องไทเกอร์ ขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน ปรากฏว่าระหว่างทางทาง มีรถเก๋งสีขาวจอดขวางช่องทางจราจรอยู่ ประกอบกับมีรถวิ่งสวนทางมา ทำให้เสียหลักไปเฉี่ยวกับรถเก๋งที่จอดอยู่และล้มลง จากนั้นมีรถยนต์สีดำที่วิ่งสวนทางมาชนซ้ำจนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ภายหลังในวันบำเพ็ญกุศลศพ มีนักเรียนที่เห็นเหตุการณ์มาเล่าให้ฟังว่า รถยนต์คันสีดำที่ขับสวนทางมาข้ามเลนมาทับร่างน้องไทเกอร์หลังจากที่รถจักรยานยนต์แฉลบล้มลง ทางครอบครัวจึงเร่งหาหลักฐานผ่านโลกโซเชียล จนได้คลิปจากกล้องหน้ารถ และกล้องวงจรปิดจากบ้านของชาวบ้าน

ทั้งนี้แม้ไม่สามารถบันทึกช่วงเกิดเหตุได้ครบ แต่กล้องหน้ารถที่ขับตามรถคันก่อเหตุสามารถบันทึกภาพช่วงที่น้องเสียชีวิตแล้ว ส่วนกล้องวงจรปิดในบ้านจับภาพขณะเกิดเสียงดัง ซึ่งมีสุนัขและคนในบ้านวิ่งออกมาดู ซึ่งหลักฐานชี้ชัดถึงทะเบียนและเจ้าของรถ จนทราบว่าผู้ขับขี่คือข้าราชการหญิงระดับสูง ตำแหน่งรองผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอสันทราย จ.เชียงใหม่ ซึ่งขณะเกิดเหตุไม่ได้จอดดู แต่กลับขับรถหนีไป


โดยต่อมาวันที่ 30 พ.ย.67 หลังเกิดเหตุ 1 วัน เจ้าของรถเดินทางมาแสดงตัวที่ สภ.หางดง เจ้าหน้าที่จึงเรียกแม่ของน้องเข้าให้ปากคำและร่วมฟังคำให้การ ซึ่งรองผู้อำนวยการโรงเรียนคนดังกล่าวอ้างว่าไม่ได้ทับร่างของน้อง แต่ยอมรับว่ารถชนจริง โดยชนที่ล้อรถเท่านั้น ทั้งยังอ้างว่ากล้องหน้ารถเสีย แต่พบว่าหลังเหตุการณ์ กล้องสามารถบันทึกภาพได้ ซึ่งครอบครัวไม่เชื่อ เพราะมีพยานเห็นเหตุการณ์ อีกทั้งผลชันสูตรพบว่าน้องได้รับบาดเจ็บภายในอย่างรุนแรง ทรวงอกช้ำ กระดูกทรวงอกและศีรษะแตก ซึ่งไม่น่าจะเกิดจากการที่จักรยานยนต์ล้มตามธรรมดา

นอกจากนี้ ช่วงงานศพก็ไม่มีเงาของรอง ผอ. มาร่วมงานหรือแสดงความรับผิดชอบใด ๆ ตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน คดียังไม่มีความคืบหน้า ฝ่ายผู้เสียหายไม่ทราบว่ามีการแจ้งข้อกล่าวหาอย่างไร หรือมีการส่งฟ้องหรือไม่ แม้จะไปติดตามคดีตลอด กลับได้รับคำตอบว่า "ยังทำสำนวนไม่เสร็จ" หรือ "สอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ" และขอให้เวลาเจ้าหน้าที่ตำรวจในการทำงาน ซึ่งประมาณ 2 เดือนที่แล้ว ครอบครัวเห็นว่าไม่มีความคืบหน้า ประกอบกับไม่มีความรู้ทางกฎหมาย จึงปรึกษาทนาย ซึ่งทนายได้ส่งทีมไปตรวจสอบกับตำรวจและอัยการจังหวัดเชียงใหม่ แต่เมื่อไปขอเลขสำนวน และตรวจสอบชื่อของคู่กรณีก็ไม่พบว่ามีคดีนี้ในระบบ และเมื่อกลับไปถามตำรวจเจ้าของคดี ได้รับคำตอบว่าทำสำนวนแล้วเตรียมส่งฟ้อง แต่ผู้ต้องหาไม่ว่าง จึงต้องรอ และเมื่อสอบถามต่อเนื่องก็ได้รับคำตอบเดิม


ด้านนายดำรงค์ บุญประคอง ทนายความ ระบุว่า ได้ส่งทีมไปติดตามที่สำนักงานอัยการแต่ไม่พบสำนวนความ ซึ่งผ่านมากว่า 6 เดือน ไม่น่าจะล่าช้าขนาดนี้ ล่าสุดทราบว่าร้อยเวรเจ้าของคดีไปอบรม และจะไม่อยู่ที่ สภ.หางดง อีกประมาณ 1 เดือน ทั้งที่ครอบครัวยังไม่เคยเห็นสำนวน และรับทราบเพียงวาจาเท่านั้นว่าส่งฟ้องแล้ว ขณะที่นางสาวอกนิษฐ์ กันทะวงค์ ผู้ช่วยทนายความ ระบุว่า ติดต่อกับตำรวจเจ้าของคดีได้ยากมาก ทางโทรศัพท์ก็ไม่รับ พอรับก็ตอบเพียงสั้นๆ ซึ่งล่าสุดที่ไปติดตามคดีที่สำนักงานอัยการก็ไม่พบชื่อผู้ต้องหาในระบบ กลายเป็นว่าต้องกลับไปถามร้อยเวรอีกครั้งว่าจะส่งผู้ต้องหาไปฟ้องเมื่อใด ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่าผู้ต้องหาแจ้งว่าไม่ว่างถึง 2 ครั้ง ทั้งที่โดยปกติควรออกหมายเรียก 2 ครั้ง หากไม่มาควรออกหมายจับ แต่ในกรณีนี้กลับรอให้ผู้ต้องหาว่างก่อน

ขณะที่นางสาวสุดใจ ดอนไพรศรี แม่ของน้องไทเกอร์ วอนให้สื่อนำเสนอเรื่องนี้เพื่อกระตุ้นให้เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินคดีด้วยความยุติธรรม เพราะน้องไทเกอร์เป็นความหวังของครอบครัว ก่อนหน้านี้มีลูก 2 คนกับสามีเก่า หลังแยกทางกัน ตัวเองได้รับน้องไทเกอร์มาเลี้ยง ส่วนพี่ชายพ่อรับไปดูแล โดยตัวเองย้ายมาอยู่เชียงใหม่ มีครอบครัวใหม่ และมีลูกสาวอีก 1 คน ครอบครัวประกอบอาชีพขายขนมและอาหารในตลาดที่อำเภอหางดง ทั้งนี้น้องไทเกอร์เป็นเด็กกตัญญู เรียนดี ได้รับใบประกาศเกียรติคุณและทุนการศึกษา เป็นนักกิจกรรมตัวแทนของโรงเรียน ตั้งเป้าจะสอบเป็นนักเรียนนายร้อย เพื่อเลี้ยงดูแม่ ซึ่งทุกวันหลังเลิกเรียนจะช่วยแม่ขายของ แม้มีโอกาสไปเรียนพิเศษก็ยังไม่ไป เพราะอยากช่วยแม่ประหยัดเงิน โดยจนถึงทุกวันนี้ตัวเองยังเสียใจ คิดถึงลูก และร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดอยู่ทุกวัน จึงอยากให้ตำรวจเร่งดำเนินคดีให้เป็นธรรมกับน้อง เพื่อให้ดวงวิญญาณน้องได้ไปสู่สุคติ












กำลังโหลดความคิดเห็น