ศูนย์ข่าวขอนแก่น-เพจสมาพันธ์แพทย์ รพ.ศูนย์/รพ.ทั่วไปโพสต์ข้อความ รพ.ขอนแก่นวิกฤติติดลบ 1.2พันล้านขาดทั้งยาขาดทั้งงบ ด้าน ผอ.รพ.ศรีนครินทร์ เผย รพ.รัฐขาดทุน เพราะต้นทุนการรักษากับงบที่ได้จากรัฐไม่สัมพันธ์กัน แนะทางออกต้องเพิ่มงบอุดหนุนจากรัฐจาก4% เป็น10% ของงบประมาณแผ่นดินแต่ละปีและให้ผู้ป่วยกลุ่มที่มีฐานะดีแต่ใช้สิทธิบัตรทองร่วมจ่ายด้วย
จากกรณีเพจสมาพันธ์แพทย์ รพ.ศูนย์/รพ.ทั่วไป โพสต์ข้อความ "ติดลบ1.2พันล้าน รพ.ขอนแก่นวิกฤติ ขาดยา-งบ เพราะคำสั่ง ให้มันพังที่เดียว วอนปลัด สธ.เร่งช่วยเหลือ อย่าซ้ำเติมหัก OTบุคคลากร " โดยโพสต์ดังกล่าวมีประชาชนเข้าไปแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก บางส่วนเรียกร้องให้มีการจัดสรรงบประมาณให้กับโรงพยาบาลให้มากขึ้น บางส่วนโจมตีนโยบายประชานิยมทำให้โรงพยาบาลขาดทุน
โดยประเด็นร้อนดังกล่าว ล่าสุด ศ.นพ.สมศักดิ์ เทียมเก่า ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทย์ศาสตร์ ม.ขอนแก่น ได้แสดงความคิดเห็นกับเรื่องนี้ว่า การที่โรงพยาบาลรัฐหลายแห่งประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง ไม่ได้เกิดจากความบกพร่องของผู้บริหาร แต่เกิดจากงบประมาณที่จัดสรรไม่เพียงพอของรัฐบาล ซึ่งการจ่ายค่าตอบแทนให้กับโรงพยาบาลของรัฐ จ่ายตามค่าน้ำหนักสัมพัทธ์หรือ RW ยกตัวอย่างเช่น คนที่เป็นโรคเดียวกัน เช่นโรคไส้ติ่งอักเสบ มีความรุนแรงของโรค เท่ากับ 1RW หากเป็นผู้ป่วยสิทธิ บัตรทอง สปสช.จะจ่ายให้หน่วยงานของรัฐ 1rw เท่ากับ 8,350 ถ้าเป็นผู้ป่วยสิทธิประกันสังคม จ่าย 12,000 บาท สิทธิข้าราชการ กรมบัญชีกลางจะจ่าย 13,500 บาท ทำให้เห็นว่า ค่าใช้จ่ายของโรงพยาบาลที่เกิดจากผู้ป่วยโรคเดียวกันจะได้เงินไม่เท่ากัน
ซึ่งหากโรงพยาบาลไหนดูแลผู้ป่วยสิทธิบัตรทองเยอะ ก็มีโอกาสที่จะขาดทุนสูงกว่า ขณะที่ต้นทุนการรักษาคนไข้ 1 rw เท่าไหร่นั้น จากการศึกษาพบว่า 1 rw ของโรงพยาบาลชุมชนอยู่ที่ 13,000 บาท แต่ถ้าเป็นโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย เช่นโรงพยาบาลศรีนครินทร์ 1RW เท่ากับ 22,000 บาท จะเห็นว่าต้นทุนค่ารักษา กับรายรับไม่สัมพันธ์กัน ทำให้หลายโรงพยาบาลของรัฐขาดทุน
ส่วนกรณีผู้ป่วยนอก ถ้าเป็นสิทธิบัตรทอง สปสช.จะจ่ายให้ตามครั้งที่มารักษาไม่ตายตัว เช่น โรงพยาบาล ก.จ่าย 500 ต่อครั้ง โรงพยาบาล ข. จ่าย 800บาทต่อครั้ง แต่ถ้าค่ารักษาเกิน สปสช.ไม่จ่าย โดยไม่คำนึงถึงต้นทุนการรักษา แต่ถ้าเป็นสิทธิข้าราชการ กรมบัญชีกลาง จะจ่ายให้ ตามจำนวนจริงของค่ารักษาพยาบาล เช่นถ้ารักษา 10,000 บาท ก็จ่ายให้โรงพยาบาล 10,000 บาท
ศ.นพ.สมศักดิ์ เปิดเผยอีกว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเราพบว่าคนไข้ในโรงพยาบาลมีมากขึ้น เพิ่มขึ้นมาประมาณ 10-15% เพื่อลดการแออัด โรงพยาบาลก็ต้องจ้างบุคลากรเพิ่ม ทำให้ต้นทุนของโรงพยาบาลสูงขึ้นไปอีก ขณะที่ สปสช. ประกันสังคม และกรมบัญชีกลาง ยังจ่ายค่ารักษาพยาบาล ตามหลักเกณฑ์เดิม ที่ผ่านมาเราจะเห็นแพทย์-พยาบาลลาออก เนื่องจากภาระงานที่หนักขึ้น ตอนนี้ขาดแคลนทั้งทรัพยากรบุคคล ขาดแคลนทั้งงบประมาณ สำหรับการแก้ไขปัญหานี้รัฐต้องเพิ่มงบประมาณขึ้นมา
ปัจจุบันรัฐบาลให้งบประมาณด้านสุขภาพ เพียง 4% จากงบประมาณทั้งหมดของประเทศ ถ้าจะแก้ปัญหาก็จะต้องเพิ่มงบขึ้น 2 เท่าครึ่ง คือ 10% จึงจะสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นได้
ศ.นพ.สมศักดิ์ระบุว่า อีกแนวทางการแก้ปัญหา คือ ประชาชนที่มีความพร้อมต้องร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาล เช่นกลุ่ม เจ้าของร้านทอง บริษัทห้างร้าน นักธุรกิจ ซึ่งมีกำลังทรัพย์ที่จะจ่าย แต่ใช้สิทธิบัตรทอง ข้าราชการ หรือพนักงานบริษัท ก็ควรจะร่วมจ่ายเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม แต่ สปสช.มีเงื่อนไขว่าห้ามคนใช้สิทธิบัตรทองจ่าย
“ถ้าปลดล็อกตรงนี้ให้คนมีกำลังทรัพย์ร่วมจ่ายถือว่าเป็นเรื่องดี ส่วนคนที่ใช้สิทธิบัตรทองอยู่แล้ว ถ้าไม่มีกำลังทรัพย์ก็ไม่ควรจะจ่าย เพราะการเข้าถึงสิทธิพยาบาล เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนทุกคน คนยากจนก็ต้องได้รับการยกเว้น"ผอ.รพ.ศรีนครินทร์กล่าว