ระยอง – คณะทำงานติดตามตรวจสอบการยึดครองพื้นที่ฯ กระทรวงทรัพย์ฯ ลงพื้นที่จี้คดีนายทุนบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน อ.วังจันทร์ จ.ระยอง รวมเนื้อที่กว่า 300 ไร่พร้อมกำหนด 4 มาตรการแก้ไขปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าของกลุ่มนายทุน
วันนี้ ( 14 พ.ค.) นายธนา ชีรวินิจ หัวหน้าคณะทำงานติดตามตรวจสอบการยึดครองพื้นที่และการขอใช้พื้นที่ในความรับผิดชอบของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เดินทางลงพื้นที่ จ.ระยอง เพื่อประชุมร่วมกับส่วนราชการในพื้นที่ จ.ระยอง ติดตามความคืบหน้าคดีนายทุนบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ บ้านหนองม่วง ม.4 ต.ชุมแสง อ.วังจันทร์ ปลูกปาล์มและทุเรียนเนื้อที่กว่า 300 ไร่
โดยคดีดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากการแจ้งเบาะแสของราษฎรในพื้นที่และการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนว่า มีกลุ่มนายทุนบุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อทำการเกษตรโดยเฉพาะในพื้นที่ จ. ฉะเชิงเทรา ระยอง จันทบุรี และตราด ซึ่งนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความเข้มงวดในการป้องกัน ดูแลรักษาทรัพยากรป่าไม้ และบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดโดยเด็ดขาด
ทั้งนี้ในส่วนของ จ. ระยอง พบว่าตั้งแต่ต้นปี 2568 จนถึงปัจจุบัน มีการจับกุมผู้กระทำผิดเกี่ยวกับการบุกรุกพื้นที่ป่าในจังหวัดระยองแล้ว จำนวน 7 คดี โดยพบว่าเป็นการบุกพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติบ้านนาและป่าทุ่งควายกิน จำนวน 4 คดี เนื้อที่รวมเกือบ 400 ไร่ และอยู่ในพื้นที่ป่าตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. จำนวน 3 คดี เนื้อที่รวมกว่า 19 ไร่
นายธนา ยังเผยถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาการบุกรุกป่าพื้นที่ป่ากว่า 300 ไร่ ในพื้นที่บ้านหนองม่วง ว่าได้มีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการใน 4 เรื่องคือ 1.ให้กรมป่าไม้ประสานกับพนักงานสอบสวน สภ.วังจันทร์ ดำเนินคดีฟ้องร้องทางแพ่ง เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายด้านสิ่งแวดล้อมกับผู้ต้องหาควบคู่การดำเนินคดีทางอาญา และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอรางวัลนำจับแก่ผู้ชี้เบาะแสผู้บุกรุกป่า
2.ให้เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ เร่งรัดฟื้นฟูป่าที่ถูกบุกรุกให้คืนสู่ธรรมชาติ ตามระบบนิเวศเดิมโดยเร็ว และประสานเชิญภาคเอกชนจัดทำโครงงาน CSR ปลูกป่า
3.ให้เจ้าหน้าที่ให้ความสำคัญต่อคดีบุกรุกป่ารายใหม่ และให้ใช้เทคโนโลยีภาพถ่ายทางอากาศ หรือโดรน มาร่วมในการตรวจสอบทำงานอย่างเคร่งครัด
และ 4.มอบหมายให้ ทสจ.ระยอง ประสานคณะอนุกรรมการ คทช. จังหวัด เร่งรัดการจัดที่ดินทำกินลงรายชื่อตามรายแปลงให้แล้วเสร็จโดยด่วน และรายงานให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทราบต่อไป
นอกจากนั้นคณะทำงานฯ ยังจะได้ศึกษาแนวทางการออกใบอนุญาต คทช. ให้มีความรวดเร็วยิ่งขึ้น ตามแนวทางของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ว่าความล่าช้าคือความอยุติธรรม