เชียงใหม่ - กลุ่มผู้ถือหุ้น IFEC พร้อมทนายความ ตั้งโต๊ะแถลงโต้ “สุพรรณ” ผู้บริหาร “ดาราเทวี เชียงใหม่” กรณีเกิดไฟไหม้อาคารให้บริการสปาในโรงแรมได้รับความเสียหาย และถูกพาดพิง ระบุมีส่วนเป็นเจ้าของเช่นกันผ่านบริษัทย่อยที่ร่วมลงทุน สุดหดหู่เห็นโรงแรมหรูระดับ 6 ดาว สภาพทรุดโทรม และถูกทำให้กลายเป็นตลาดนัด ยืนยันการฟ้องร้องนับสิบคดีไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้ง แต่เป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย เพื่อรักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นและเจ้าหนี้ ยอมรับไม่เชื่อมั่นการบริหารงาน หวั่นบกพร่องสร้างความเสียหาย เบื้องต้นพบการกระทำส่อผิดกฎหมายอีกเพียบ ทั้งเรื่องการต่อเติมและใช้อาคาร รวมทั้งระบบสาธารณูปโภคและบำบัดของเสีย เตรียมร้องหน่วยงานเกี่ยวข้องตรวจสอบ ส่วนเหตุไฟไหม้ยังน่าสงสัยหลายอย่าง
วันนี้(12 พ.ค.68) ที่โรงแรมวินทรี ซิตี้รีสอร์ท อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ นางสาวเยาวลักษณ์ ฤทธิ์สมจิตต์ ตัวแทนผู้ถือหุ้นของบริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC พร้อมด้วยนายประสิทธิ์ วงศาสวัสดิ์ ทนายความผู้รับมอบอำนาจของ IFEC และทีมงานทนายความ ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงทำความใจปัญหาและข้อเท็จจริงกรณีโรงแรมดาราเทวีเชียงใหม่ อดีตโรงแรมหรูระดับ 6 ดาว ที่ปัจจุบันปิดให้บริการ แต่เมื่อวันที่ 23 เม.ย.68 เวลาประมาณ 02.00 น. ได้เกิดไฟไหม้บริเวณ “เทวาสปา” ที่เป็นกลุ่มอาคารไม้สักที่ก่อสร้างถอดแบบมาจากพระราชวังมัณฑะเลย์ จนได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด โดยที่ต่อมานายสุพรรณ เศษธะพานิช กรรมการและผู้บริหาร บริษัท สยาม เอสเตท ดาราเทวี จำกัด ผู้บริหารโรงแรมในปัจจุบัน ได้มีการให้ข้อมูลและความเห็นต่างๆ ผ่านสื่อเกี่ยวกับกรณีเหตุไฟไหม้ที่เกิดขึ้นและการบริหารงานพัฒนาพื้นที่โรงแรมดาราเทวี ซึ่งปรากฏว่ามีการพาดพิงถึงกลุ่มผู้ถือหุ้นของ IFEC ด้วย
ทั้งนี้นางสาวเยาวลักษณ์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันโรงแรมแรมดาราเทวี เชียงใหม่ เฉพาะทรัพย์สินในส่วนของที่ดินประมาณ 80 ไร่ พร้อมสิ่งปลูกสร้าง จากพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 150 ไร่ เป็นการร่วมลงทุนกันระหว่างบริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เทอมอล พาวเวอร์ จำกัด ( ITHERMAL) และบริษัท สยาม เอสเตท ดาราเทวี จำกัด ของกลุ่มนายสุพรรณ ซึ่งบริษัท ITHERMAL ได้ประมูลซื้อทรัพย์สินดังกล่าวนี้มาได้จากการขายทอดตลาดของกรมบังคับคดีเมื่อปลายปี 2566 แล้วนำไปลงทุนร่วมกัน โดยที่บริษัท ITHERMAL นั้น เป็นบริษัทย่อยของ IFEC ดังนั้นกลุ่มผู้ถือหุ้นของ IFEC จึงถือได้ว่ามีส่วนเป็นเจ้าของโรงแรมดาราเทวี เชียงใหม่ ด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งที่ผ่านมานับตั้งแต่ที่ทางกลุ่มนายสุพรรณ ได้เข้ามาบริหารโรงแรมดาราเทวี นั้น ทางกลุ่มผู้ถือหุ้นของ IFEC ได้มีการติดตามดูการบริหารงานอยู่อย่างต่อเนื่องว่าเป็นอย่างไร เพราะเป็นเรื่องที่ส่งผลได้เสียโดยตรงต่อผู้ถือหุ้นของ IFEC ด้วย
อย่างไรก็ตามยอมรับว่าผู้ถือหุ้นของ IFEC ต่างมีความเป็นห่วงกังวลเกี่ยวกับการบริหารงานของกลุ่มนายสุพรรณ เป็นอย่างมากมาโดยตลอด เนื่องจากพบว่าสภาพของโรงแรมยังคงทรุดโทรม โดยมีการจ้างคนดูแลเพียงไม่กี่คนและทำให้ไม่ได้รับการดูแลพัฒนาอย่างที่ควรจะเป็นในฐานะที่เคยเป็นโรงแรมหรูระดับ 6 ดาว ที่มีชื่อเสียงระดับโลกในอดีต เพื่อให้สามารถกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง แต่กลับมีการนำพื้นที่ไปจัดเป็นตลาดนัด ทั้งที่ระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ยังไม่มีความพร้อม ทั้งไฟฟ้า ประปา หรือระบบบำบัดของเสีย ซึ่งเห็นแล้วรู้สึกน่าหดหู่มาก นอกจากนี้พบด้วยว่ามีการต่อเติมแก้ไขอาคารโดยไม่ได้ถูกต้องตามกฎหมาย และมีการใช้อาคารทั้งที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีคำสั่งห้ามใช้อาคาร รวมทั้งมีการเปิดร้านจำหน่ายอาหารโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือยังไม่ผ่านการตรวจสอบมาตรฐานและประเมินสุขอนามัย ซึ่งอาจส่งผลเสียหรือเป็นอันตรายต่อผู้เข้าใช้บริการ รวมทั้งส่งผลกระทบต่อสาธารณะได้ ดังนั้นจึงเตรียมที่จะยื่นเรื่องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบด้วย
สำหรับกรณีเกิดไฟไหม้นั้น ตั้งข้อสังเกตว่า นายสุพรรณ พยายามให้ข้อมูลว่าจุดเกิดเหตุถูกปิดไว้และไม่ได้ใช้งานมานานหลายปี รวมทั้งยืนยันว่าไม่มีการใช้ไฟฟ้าในตัวอาคารด้วย อย่างไรก็ตามจากหลักฐานคลิปวิดีโอที่มีผู้บันทึกไว้และเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียพบว่า มีสายไฟและหลอดไฟส่องสว่างในตัวอาคาร ซึ่งขัดแย้งกับข้อมูลที่นายสุพรรณให้ไว้ ขณะเดียวกันนายสุพรรณ ยังมีการระบุด้วยว่า การเกิดไฟไหม้ดังกล่าวเป็นไฟไหม้ที่ผิดธรรมชาติ ซึ่งไม่ทราบว่าเหตุใดจึงเชื่อมั่นเช่นนั้น ทั้งๆ ที่ควรจะต้องรอผลสรุปจากทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานน่าจะดีที่สุด ส่วนประเด็นที่นายสุพรรณ พยายามชี้นำว่ามีความผิดปกติที่กลุ่มผู้ถือหุ้นหลายทราบว่าเกิดเหตุไฟไหม้ก่อนตัวนายสุพรรณและทราบอย่างรายละเอียดด้วยนั้น ทราบเรื่องผ่านไลฟ์สดของกู้ภัยที่โพสต์ในโซเชียลมีเดียตั้งแต่เกิดเหตุและเฝ้าติดตามสถานการณ์จนถึงเช้า เพราะห่วงใยในฐานะที่มีส่วนเป็นเจ้าของเช่นกัน ซึ่งไม่ผิดปกติ แต่ในฐานะที่นายสุพรรณ เป็นผู้บริหาร น่าจะสมควรต้องพิจารณาตัวเองมากกว่า ที่ปล่อยให้เกิดเหตุขึ้น และไม่ได้รับโทรศัพท์ทั้งที่มีคนพยายามโทรไปแจ้งแล้ว แต่นายสุพรรณนอนหลับอยู่
ส่วนกรณีที่นายสุพรรณ พยายามกล่าวอ้างว่ามีกลุ่มขบวนการพยายามขัดขวางการบริหารและพัฒนาพื้นที่ของกลุ่มนายสุพรรณ ด้วยใช้เทคนิคทางกฎหมายกลั่นแกล้งฟ้องร้องบริษัทฯ ของกลุ่มนายสุพรรณ และคู่ค้ารวมแล้วประมาณ 20 คดีนั้น นางสาวเยาวลักษณ์ ยืนยันว่าคดีที่ผู้ถือหุ้นและเจ้าหนี้ทำการฟ้องร้องไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้ง แต่เป็นการใช้สิทธิ์ตามกฎหมายเพื่อรักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นและเจ้าหนี้ เนื่องจากทรัพย์สินโรงแรมดาราเทวี เชียงใหม่ ในส่วนที่กลุ่มของนายสุพรรณ มีสิทธิ์นั้น มีสิทธิ์เฉพาะที่ดินและอาคารสิ่งปลูกสร้างเท่านั้น แต่ทรัพย์สินอื่นๆ ประมาณ 20,000 ชิ้น ที่อยู่ในพื้นที่ เช่น เฟอร์นิเจอร์,ของเก่าสะสม,ข้าวของเครื่องใช้ หรืออุปกรณ์ต่างๆ นั้น เป็นทรัพย์สินที่ยังอยู่ระหว่างการรอขายทอดตลาดของกรมบังคับคดี ซึ่งมีการจัดทำรายการบันทึกรายละเอียดไว้ทั้งหมด
แต่ปรากฏว่าทางกลุ่มของนายสุพรรณ กลับมีการปล่อยให้นำทรัพย์สินต่างๆ ดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ โดยพบว่ากลุ่มของนายสุพรรณมีการทำสัญญากับคู่ค้าของตัวเองที่เช่าพื้นที่ทำธุรกิจและอนุญาตให้ใช้ทรัพย์สินต่างๆ ที่อยู่ภายในพื้นที่ได้ ทั้งๆ ที่กลุ่มของนายสุพรรณ ไม่มีสิทธิ์ ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลทำให้ผู้ถือหุ้นและเจ้าหนี้ต้องมีการฟ้องร้องดำเนินคดี ซึ่งย้ำว่าเป็นการรักษาสิทธิ์ ไม่ใช่การกลั่นแกล้งแต่อย่างใด ทั้งนี้หากนายสุพรรณ มีหลักฐานยืนยันได้ว่า นายสุพรรณ เป็นเจ้าของทรัพย์สินดังกล่าวนั้น ทางกลุ่มผู้ถือหุ้นและเจ้าหนี้ที่ฟ้อง ยินดีที่ถอนฟ้องทั้งหมด และตัวเองพร้อมที่จะเข้าไปกราบขอขมาด้วย