สกลนคร-นายธรรมนูญ เทพจันทร์ อายุ 62 ปี ชาว จ.พัทลุง อดีตข้าราชการวิศวกรโยธาและผังเมืองฯ หลอกนายจรูญ อายุ 72 ปี ไปถอนเงินสูญ 2.6 ล้าน ถูกจับก็ทำตีมึนอ้างไม่รู้อย่างเดียว ตำรวจเชื่อทำเป็นกระบวนการเตือนระวังมิจฉาชีพเริ่มเปลี่ยนวิธีการปรากฏตัวให้เหยื่อเห็นหน้าตาตัวเป็นๆ หวั่นเมื่อได้ทรัพย์สินเงินทองสมใจแล้ว มีความเสี่ยงสูงที่เหยื่อจะถูกทำร้ายถึงขั้นเสียชีวิต ป้องกันการแจ้งความติดตามจับกุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจรูญ (สงวนนามสกุล) อายุ 72 ปี ชาวบ้านดงมะไฟ ต.ดงมะไฟ อ.เมือง จ.สกลนคร เดินทางมาเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.เมืองสกลนคร ว่า ตนถูกชายที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ของภาครัฐหน่วยงานหนึ่งพาไปถอนเงินในบัญชีธนาคารออกไป จำนวน 2,650,000 บาท โดยออกอุบายว่าทรัพย์สินของนายจรูญอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายต้องทำการตรวจสอบ เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการจะดำเนินการคืนเงิน ต่อมาจึงรู้ตัวว่าถูกหลอก จึงมาแจ้งความ
หลังจากรับแจ้งความร้องทุกข์ พ.ต.ท.ภาศ สุวรรณ์ รักษาราชการแทน รอง ผกก.สส.สภ.เมืองสกลนคร พร้อมด้วย ชุดสืบสวน สภ.เมืองสกลนคร ได้นำกำลังลงพื้นที่สืบสวนติดตามจับกุมชายคนร้ายดังกล่าว
กระทั่งสามารถควบคุมตัว นายธรรมนูญ เทพจันทร์ อายุ 62 ปี ชาว จ.พัทลุง อดีตข้าราชการวิศวกรโยธาและผังเมืองฯ ได้ และพาตัวมาสอบสวนที่ สภ.เมืองสกลนคร และพาไปชี้จุดที่ นายธรรมนูญกับนายจรูญพากันมาถอนเงิน โดยระหว่างนี้นายธรรมนูญ เล่าว่า หลังจากถอนเงินสด ก็ได้นำมาฝากใส่บัญชีธนาคารของตัวเองแล้วโอนต่อไปยังบุคคลอื่นอีก 3 บัญชี เหลือเงินติดในบัญชีตัวเองประมาณ 10,000 กว่าบาท เมื่อถามว่ารู้จักกับคนที่โอนเงินไปให้หรือไม่ นายธรรมนูญตอบปฏิเสธ รวมถึงถามว่าแรงจูงใจในการพานายจรูญมาถอนเงิน ก็ปฏิเสธอ้างไม่รู้ไม่ชี้
ด้านนายจรูญ ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันตนได้รับโทรศัพท์ปลายสาย ชื่อนายประเทือง อ้างตัวเองเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐแห่งหนึ่ง ถามว่าตนได้เปิดบัญชีไว้ที่ จ.ภูเก็ต หรือไม่ ถามไปจนถึงว่ามีทรัพย์สินอะไรบ้าง มูลค่าเท่าไหร่ ในใจตอนนั้นคิดแล้วว่าอาจจะเป็นแก็งคอลเซ็นเตอร์ แต่ตนนั้นไม่มีแอพธนาคารกับบัตร ATM ต่อมาเมื่อวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการติดต่อกันระหว่างตนกับนายธรรมนูญที่เดินทางจาก กทม.มายัง จ.สกลนคร แล้วเปิดห้องพักนอน โดยนายธรรมนูญอ้างว่าให้ตนถอนเงินสดไปตรวจสอบก่อนเมื่อตรวจสอบเสร็จค่อยโอนกลับมาคืน
อีกทั้งยังพูดจาหว่านล้อมต่างๆ นานา จนตนหลงเชื่อและวันต่อมาวันที่ 7 พ.ค. ตนได้ขี่รถจักรยานยนต์พานายธรรมนูญไปถอนเงินจากบัญชีสหกรณ์แห่งหนึ่ง ใน จ.สกลนคร จำนวน 1,900,000 บาท เจ้าหน้าที่สหกรณ์ได้ถามว่านำเงินไปทำอะไร ตนก็บอกว่านำไปซื้อที่ดิน เมื่อถอนเสร็จก็ยื่นเงินสดให้นายธรรมนูญแล้วพาไปฝากที่ธนาคารกรุงไทย ต่อมาวันที่ 8 พ.ค.ถูกพูดจาหว่านล้อมทำให้หลงเชื่ออีกครั้ง เลยพาไปถอนเงินสดที่ธนาคารของ ธกส จำนวน 750,000 บาท แล้วนายธรรมนูญก็นำเงินจำนวนนี้ไปฝากเข้าบัญชีธนาคารที่เป็นชื่อตัวเองเหมือนเดิม รวมทั้งหมด 2,650,000 บาท
นายจรูญ เล่าต่ออีกว่า ก่อนแยกย้ายตนถามว่าตรวจสอบกี่วัน จะคืนเงินอย่างไร ทางนายธรรมนูญตอบกลับมาว่าจะได้คืนเป็นเช็คส่งมาให้ทางไปรษณีย์ประมาณ 1-2 วัน เลยเริ่มเอะใจเลยรุดมาแจ้งความ แต่ด้วยความโลภของมิจฉาชีพที่รู้ว่าตนมีเงินเหลือในบัญชีธนาคารหลักแสน จึงวกกลับจะให้ถอนออกมาให้หมด สุดท้ายไม่รอดถูก เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองสกลนคร รวบตัวไว้ได้ ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณ ตำรวจที่ทำงานเร็วและอยากฝากเตือนพี่น้องประชาชนไม่อยากให้ถูกหลอกแบบตนอีก เพราะเขาทำทุกทางแม้แต่ตนไม่ได้ทำธุรกรรมออนไลน์หรือบัตรเอทีเอ็มยังไม่รอด
อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.ภาศ สุวรรณ์ รักษาราชการแทน รอง ผกก.สส.สภ.เมืองสกลนคร กล่าวว่า เบื้องต้น นายธรรมนูญ ถูกแจ้ง 2 ข้อกล่าวหา ฉ้อโกง และร่วมกันกรรโชกทรัพย์ฯ นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการทางกฎหมายต่อไป นอกจากนี้ยังพบประวัตินายธรรมนูญเป็นอดีตข้าราชการที่มีคดีเกี่ยวข้องกับการทุจริตจนถูกพิพากษาลงโทษแล้ว ทั้งนี้อยากฝากแจ้งเตือนไปยังพี่น้องประชาชนว่า นอกจากกลโกงเดิมที่ใช้วิธีการโทรศัพท์พูดคุยหลอกให้โอนเงิน ปัจจุบันเปลี่ยนมาใช้วิธีเข้าหาเหยื่อประชิดตัวต่อตัวอย่างเช่นกรณีนี้
“วิธีปรากฏตัวอย่างกรณีนี้ เหยื่อที่ถูกหลอกมักจะหลงเชื่อได้ง่ายเพราะเห็นตาหน้าตัวเป็นๆ แล้วอายุรุ่นเดียวกันไม่ได้เป็นคนหนุ่มสาว จึงเกิดไว้ใจขึ้น เชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐจริงๆ มาขอตรวจสอบทรัพย์สิน” พ.ต.ท.ภาศกล่าวและว่า
อีกทั้งเพื่อเป็นการหลบหลีกการตรวจสอบจากสถาบันการเงินจึงให้ลุงถอนเงินครั้งละไม่เกิน 2 ล้าน ซึ่งพวกนี้รู้จักทางหนีทีไล่ดี แม้โดนจับกุมยังให้การภาคเสธ โชคดีที่เหตุการณ์นี้ผู้เสียหายเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันก่อน ไม่งั้นนอกจากจะเสียทรัพย์สินที่เหลือกับลุงก้อนสุดท้ายแล้วอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้.