xs
xsm
sm
md
lg

KNU ประกาศชัยชนะหลังตีฐานทหารเมียนมาตรงข้ามช่องพุน้ำร้อน ออกแถลงการณ์พร้อมเป็นเพื่อนบ้านที่ดีกับไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กาญจนบุรี - KNU ประกาศชัยชนะ หลังตีฐานทหารเมียนมาตรงข้ามช่องทางพุน้ำร้อน เมืองกาญจน์ แตกพ่ายหมดแล้ว ออกแถลงการณ์ย้ำต้องปลดแอกจากรัฐบาลทหารพม่า ห่วงผลกระทบโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์รัสเซียในพม่า พร้อมเป็นเพื่อนบ้านที่ดีกับไทย 

จากกรณีเกิดสถานการณ์การยิงปะทะกันระหว่างกองกำลังกะเหรี่ยง พล.น.4 กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNLA.) กับ ทหารเมียนมา ในพื้นที่บ้านแม่น้ำธิทะ กิ่ง อ.เมตตา จ.ทวาย ภาคตะนาวศรี ที่อยู่ห่างจากช่องทางบ้านพุน้ำร้อน หมู่ 12 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ประมาณ 10 กิโลเมตร เหตุการณ์เริ่มเกิดขึ้นช่วงเดือนเมษยน 68 ที่ผ่านมา

ซึ่งการปะทะเป็นไปอย่างหนักน่วงมีทั้งการใช่เฮลิคอปเตอร์ทิ้งระเบิดและโดรน จากแหล่งข่าวพบว่าทหารเมียนมาเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก โดยเมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมามีการปะทะกันอย่างต่อเนื่อง โดยกองกำลังกะเหรี่ยง KNU เป็นฝ่ายไล่ล่าทหารเมียนมามาโดยตลอด และมีการประกาศว่าหากทหารเมียนมายกธงขาวเพื่อขอยอมแพ้ก็จะปล่อยตัวไปโดยไม่ต้องสูญเสียชีวิต ซึ่งมีทหารเมียนมาอยู่ประมาณ 50 นายไม่ยอมจำนนยกธงขาว กองกำลังกะเหรี่ยง KNU จึงจำเป็นต้องไล่ล่า สุดท้ายแล้วความลำบากที่ไม่มีเสบียงทหารเพมียนมาจึงยอมจำนน

ล่าสุดวันนี้ (9 พ.ค.) กองกำลังกะเหรี่ยง พล.น.4 กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNLA.) ออกแถลงการณ์ระบุว่า “แถลงการณ์ต่อสาธารณชนคนไทยซึ่งอาศัยอยู่ใกล้กับพรมแดนไทย-เมียนมา กรณีการสู้รบเมื่อเร็ว ๆ นี้ที่ทิคี ภาคตะนาวศรีกองพลน้อยที่ 4 ของสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) ซึ่งปฏิบัติการในเขตมะริด/ทวาย ประสงค์จะแจ้งให้สาธารณชนไทยทราบเกี่ยวกับเหตุสู้รบด้วยอาวุธเมื่อเร็วๆ นี้ ที่ เมืองทิคีเมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา

1.เขตมะริด/ทวายของเคเอ็นยูเคยเป็นพื้นที่ที่ถูกยึดครองโดยกองทัพเมียนมา เมื่อปี 2540 ส่งผลให้เกิดการสู้รบด้วยอาวุธและการพลัดถิ่นฐานของประชาชนในพื้นที่ กองพลน้อยที่สี่ของเคเอ็นยูเชื่อว่า จำเป็นต้องยึดฐานทัพทิคีในมะริด/ทวายกลับคืนมา เพื่อให้เกิดความมั่นคงและปลอดภัยของประชาชนทั้งในฝั่งเมียนมาและไทย

2. พวกเราเชื่อว่า เราจำเป็นต้องมีปฏิบัติการทางทหารกับสภาบริหารแห่งรัฐ(SAC) เพื่อปลดแอกประชาชน ช่วยให้สามารถกำหนดชะตากรรมตนเองได้และปลอดพ้นจากการทารุณกรรมของกองทัพเมียนมา

3. เรามีความกังวลอย่างยิ่งต่อความมั่นคงปลอดภัยและสวัสดิภาพของประชาชนของเรา รวมทั้งประชาชนคนไทย สืบเนื่องจากรายงานข่าวเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2568 ว่า รัฐบาลทหารเมียนมาจะสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ขนาด 110 เมกะวัตต์โดยใช้เทคโนโลยีจากรัสเซีย ในปัจจุบัน มีการเสนอพื้นที่ก่อสร้างสองแห่ง รวมทั้งพื้นที่ที่อยู่ตอนกลางของภาคพะโค่ และเขตเศรษฐกิจพิเศษทะวายที่เมืองทะวาย ภาคตะนาวศรี ติดกับพรมแดนประเทศไทย

4. เราจึงประสงค์จะแจ้งให้สาธารณุชนไทยทุราบว่า เรากำลังพิจารณาอย่างจริงจังถึงผลกระทบและผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นจากความตึงเครียดทางทหารระหว่างทหารของเรากับสภาบริหารแห่งรัฐ และเราได้ดำเนินการทั้งปวงเพื่อที่จะลดผลกระทบดังกล่าวต่อสาธารณชนในไทย

5. เราเคยดำรงชีวิตอย่างประสานสอดคล้องกับประชาชนคนไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน และเราสัญญาว่าจะดำรงชีวิตด้วยความเคารพและรักใคร่ในฐานะเพื่อนบ้านที่ดีกับประชาชนคนไทยต่อไปในอนาคต เราขอยืนยันจุดยืนที่จะยึดมั่นหลักการความสัมพันธ์อย่างสงบและความร่วมมือกับประเทศไทยไปตลอดกาล และเราหวังว่าประชาชนคนไทยจะเข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้น”




กำลังโหลดความคิดเห็น