เชียงใหม่ – เจ้าของฟาร์มเพาะเลี้ยงเต่าซูลคาต้าเพื่อขายเชิงพาณิชย์และส่งออกต่างประเทศ ต่อยอดธุรกิจ เปิดคาเฟ่เต่ายักษ์แห่งแรกของจังหวัดเชียงใหม่ ให้ผู้สนใจและชื่นชอบศึกษาเรียนรู้ พร้อมสัมผัสใกล้ชิด โดยเฉพาะเด็กๆ สามารถขึ้นขี่ได้ด้วย พร้อมจัดแสดงสัตว์แปลกอีกหลายชนิด รวมทั้งโซนของสะสมย้อนยุค
รายงานจากแจ้งว่า เจ้าของฟาร์มเพาะเลี้ยงเต่าซูลคาต้าหรือ เต่าเดือยแอฟริกา เพื่อเชิงพาณิชย์และส่งออกต่างประเทศรายหนึ่งที่จังหวัดเชียงใหม่ ต่อยอดธุรกิจด้วยการปรับเปลี่ยนฟาร์มเพาะเต่า เป็นคาเฟ่เต่ายักษ์แห่งแรกในจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้คนที่สนใจและชื่นชอบเต่าชูลคาต้า ซึ่งเป็นเต่ายักษ์ที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของโลก รวมทั้งเต่าสายพันธุ์ต่างๆ เข้ามาสัมผัส ป้อนอาหาร ซึ่งที่เด็กๆ ที่มีความสูงไม่เกิน 130 เซนติเมตร และน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด สามารถขี่เต่ายักษ์ได้ด้วย โดยที่คาเฟ่แห่งนี้มีชื่อว่า”นิยมเต่า คาเฟ่” ตั้งอยู่ในหมู่บ้านร้องอ้อ ตำบลสันผีเสื้อ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีเต่ากว่า 100 ตัว รวมทั้งสัตว์สายพันธุ์พิเศษ หรือ Exotic Pets เช่น กิ้งกาคาเมเลี่ยน
ทั้งนี้นายชัยพร โลจายะ หรือ “โอ๊ค” อายุ 46 ปี เจ้าของ”นิยมเต่า คาเฟ่” เล่าว่า ตนเองเป็นคนชอบเลี้ยงเต่าซูลคาต้า และสัตว์ Exotic เช่น กิ้งกา งู มาตั้งแต่วัยรุ่น ก่อนจะเริ่มเพาะพันธุ์เต่าซูลคาต้าและส่งออก ปัจจุบันได้เพิ่มจุดขายเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะเด็กๆที่ชื่นชอบเต่า ได้เข้ามาเรียนรู้ เพาะฟาร์มของตนเองเป็นศูนย์เรียนรู้และเผยแพร่วิธีการเพาะเลี้ยงเต่าซูลคาต้าให้กับผู้ที่สนใจ สำหรับคาเฟ่เต่ายักษ์ มีทั้งหมด 4 โชน โชนแรกคือ คาเฟ่เต่า มีเต่ากว่า 100 ตัว นักท่องเที่ยวสามารถป้อนอาหาร เล่นกับเต่า และถ่ายรูปได้ ส่วนเด็กๆที่ผ่านการวัดส่วนสูงและน้ำหนัก ก็สามารถเล่นและขี่เต่ายักษ์ได้
ส่วนโซนที่ 2 เป็นโซนเพาะเลี้ยงลูกเต่า เปิดโอกาสให้คนที่สนใจอยากเลี้ยงเต่าเข้ามาศึกษาข้อมูล การเพาะเลี้ยง วิธีการเลี้ยงที่ถูกต้อง หากสนใจก็สามารถซื้อเต่าจากฟาร์มไปเพาะเลี้ยงได้ ขณะที่โซนที่ 3 เรียกว่าคาเฟ่ยุค 70 - 90 เป็นพิพิธภัณฑ์สะสมสิ่งของต่างๆในยุค 70 – 80 และ 90 เช่น เทปคาสเซ็ท เครื่องเล่นเทปวอล์คแมน เกมตลับ ที่ยังเปิดเล่นได้ กล่องลูกอม ขนม ของเล่นต่างๆ รวมทั้งสมุดงานวันเด็กรุ่นแรก ที่จัดทำขึ้นตั้งแต่ปี 2506 ฯลฯ และโซนสุดท้าย คือ โซนสเน็ครูม มีสัตว์ Exotic ที่รวบรวมไว้หลากหลายสายพันธุ์ สามารถนำสัตว์มาเล่นได้ ระหว่างนั่งทานเครื่องดื่ม หรือ เบเกอรี่ภายในร้าน โดยราคาเครื่องดื่มและเบเกอรี่เริ่มต้นที่ 65 – 100 บาทเท่านั้น
นอกจากนี้นายชัยพร กล่าวอีกว่า ในอดีตเต่าบกมีราคาสูงมาก เพราะเพาะเลี้ยงได้เฉพาะประเทศที่ตั้งอยู่ในเส้นศูนย์สูตรเท่านั้น ทำให้เต่าบกที่ซื้อขายกันมีราคาสูงถึงหลักแสนบาท ส่วนลูกเต่าก็ราคาสูงกว่า 1 หมื่นบาท แต่ปัจจุบันราคาถูกลงเนื่องจากคนไทยหลายรายสามารถเพาะพันธุ์ได้เองแล้ว ทำให้ราคาถูกลง ขณะที่ตนเองเลี้ยงและเพาะพันธุ์เต่าเพื่อส่งออกมามากกว่า 10 ปี มีระบบลูกฟาร์มให้เกษตรกรช่วยเพาะพันธุ์ และส่งออกไปทั่วโลก ตลาดหลัก คือ โซนเอเชีย เช่น จีน มาเลเซีย ไต้หวัน และยุโรป ซึ่งปัจจุบันมีผู้เพาะเลี้ยงเต่าซูคาต้าที่เป็นฟาร์มอิสระและสแตนอโลนที่ส่งออกอยู่หลายเจ้าในประเทศไทย มูลค่าการส่งออกในภาพรวมแต่ละปีไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท
นายชัยพร บอกด้วยว่า คนไทยมีความสามารถในการเพาะพันธุ์เต่าซูลคาต้าได้เอง ปัจจุบันมีคนนิยมเลี้ยงเต่าซูลคาต้าจำนวนมากเพราะเลี้ยงง่าย กินพืชผักเป็นอาหาร ฟาร์มของตนเองจึงผลิตอาหารเม็ดสำหรับเต่า ทำจากหญ้าที่ชาวบ้านเพาะปลูก เพื่อป้อนให้กับลูกฟาร์ม หรือลูกค้าที่ซื้อเต่าไปเลี้ยง โดยคาเฟ่เต่ายักษ์นั้น เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ต่อยอดจากฟาร์มเต่า เพื่อให้คนที่สนใจอยากเลี้ยงเต่าเข้ามาศึกษาหาข้อมูล หรือใครที่อยากสัมผัสใกล้ชิดเต่ายักษ์ และสัตว์ Exotic สายพันธุ์หายาก ก็มาได้ที่นิยมเต่า คาเฟ่ เปิดตั้งแต่เวลา 09.00 – 17.00 น. หยุดทุกวันอังคาร