นครพนม - อีกแล้ว! ชาวบ้านเกือบ 100 รายใน ต.กุรุคุ อ.เมืองนครพนมถูกกลุ่มมิจฉาชีพทำทีใจดีจะช่วยหาเงินใช้หนี้ ธ.ก.ส.ให้แลกกับลายเซ็นและเลขบัญชีแบงก์ ต่อมามีเงินเข้าจริงหลักแสน แต่ต้องถอนออกมาให้แก๊งมิจ ได้ใช้จริงแค่หมื่นเศษ สุดท้ายเจอหมายเรียกจาก สภ.ท่าข้ามข้อหาฉ้อโกง พร้อมบังคับเรียกเงินโอนคืน ตาสว่างถูกหลอกโร่ขอศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดช่วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ อ.เมือง จ.นครพนม ชาวบ้านตำบลกุรุคุ และตำบลใกล้เคียงเกือบร้อยรายได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากการถูกแจ้งความดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกงและเรียกร้องเอาเงินคืน หลังจากถูกกลุ่มมิจฉาชีพอ้างว่าจะนำเงินมาให้กู้และชำระหนี้ ธ.ก.ส.ให้แถมมีเงินสดให้ใช้ด้วย โดยมีเงื่อนไขให้ชาวบ้านต้องเบิกเงินที่โอนเข้าบัญชีออกมาให้ทั้งหมดก่อนจะได้รับเงินส่วนแบ่ง ทำให้ชาวบ้านหลงเชื่อลงชื่อเข้าใช้บริการเป็นจำนวนมาก ภายหลังถูกแจ้งความเอาผิดฐานฉ้อโกง ล่าสุดพากันเข้าร้องศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครพนมให้ช่วยเหลือ
นางมยุรี ทองรี อายุ 50 ปี ชาวบ้านกุรุคุ ต.กุรุคุ อ.เมือง จ.นครพนม เล่าว่า ตนเป็นคนแรกๆ ที่ตกเป็นเหยื่อของแก๊งมิจฉาชีพกลุ่มนี้ โดยเมื่อประมาณเดือนพฤศจิกายน ปี 2567 นางสาววิสุนันท์ หรือติ๊ก มาติดต่อว่าจะมีเงินมาให้กู้แถมจะชำระหนี้ ธ.ก.ส.ให้ด้วย โดยให้ลงชื่อกู้เงินในแบบฟอร์มเปล่า แล้วจะมีเงินโอนเข้าบัญชี หลังเบิกเงินสดออกจากบัญชีก็จะมีส่วนแบ่งให้ ตนหลงเชื่อตกลงทำตามที่นางสาวติ๊กเสนอ โดยหลังจากเซ็นชื่อและให้เลขบัญชีธนาคารแก่นางสาวติ๊กไปก็มีเงินโอนเข้าบัญชีของตนมาจำนวน 150,000 บาท ตนก็เบิกออกมาแล้วมอบให้นางสาวติ๊กทั้งหมด
จากนั้นนางสาวติ๊กมอบให้ตนหนึ่งหมื่นบาท ส่วนที่เหลือถูกนางสาวติ๊กเก็บเอาไว้ทั้งหมด โดยเงินหนึ่งหมื่นบาทที่ให้ตนนั้นนางสาวติ๊กบอกว่าเป็นเงินสินน้ำใจให้เปล่าๆ ไม่ต้องใช้คืนแต่อย่างใด แต่จะต้องหาชาวบ้านมาทำในลักษณะเดียวกันอีกก็จะได้ค่าตอบแทนเป็นรายหัว ตนเห็นว่าได้เงินง่ายดีจึงหลงเชื่อไปชักชวนญาติพี่น้องมาทำอีกเป็นจำนวนมาก เบ็ดเสร็จแล้วพากันทำเกือบทั้งหมู่บ้าน รวมๆ แล้วน่าจะ 70-80 คน
ต่อมาตนก็ได้รับหมายเรียกจาก สภ.ท่าข้าม ให้ไปให้ปากคำในคดีที่นางสาวติ๊กและพวก คือนางสาวนิรชา เจียวรนันท์ หรืออิ๊งค์ แจ้งความให้ดำเนินคดีตนและพวกในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง โดยมีชาวบ้านถูกแจ้งความ ร่วมด้วยกับตนอีกหลายสิบคน ตนไม่รู้จะทำอย่างไรจึงเข้าขอความช่วยเหลือจากกลุ่มต่อต้านนายทุนและการฟอกเงินร่วมกับชาวบ้านอีกหลายคน ทางกลุ่มจึงพามาร้องศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครพนมในวันนี้
ด้านนางบุญเลี้ยง แสงสุด อายุ 49 ปี ชาวบ้านหนองหญ้าไซ ตำบลกุรุคุ อ.เมือง จ.นครพนม บอกว่า ตนได้รับการชักชวนจากชาวบ้านที่ทำไปแล้วว่าจะมีคนมาชำระหนี้ ธ.ก.ส.ให้ แถมยังมีเงินแถมให้ใช้อีก จึงหลงเชื่อและทำตามที่นางสาวติ๊กแนะนำ โดยเมื่อมีเงินโอนเข้ามา 120,000 บาท เขาก็จะให้ถอนออกแล้วนำเงินไปใช้หนี้ ธ.ก.ส.ให้ตน 13,000 บาท พร้อมกับมอบเงินสดให้ตนอีก 9,000 บาท ที่เหลือตนก็มอบให้เขาไปทั้งหมด ซึ่งตนยังถามเขาว่าเงินที่ใช้หนี้ให้กับเงินสดที่ให้มาจะต้องใช้คืนมั้ย
เขาตอบว่าเป็นการให้เปล่าไม่ต้องใช้คืนแต่อย่างใด ทำให้ตนชอบใจมาก และชักชวนญาติๆ และเพื่อนฝูงที่รู้จักให้มาทำด้วยกันอีกหลายคน แต่ต่อมาก็ได้รับหมายเรียกจากตำรวจ สภ.ท่าข้าม ให้ไปให้ปากคำกรณีเงินโอนเข้าบัญชีตนในครั้งนั้น วันนี้จึงพากันมาร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อขอความช่วยเหลือ
ขณะที่นายกฤษ ชัยเทศ ประธานกลุ่มต่อต้านนายทุนและการฟอกเงิน เปิดเผยว่า ขณะนี้มีชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบแล้ว 78 คน มีมูลค่าความเสียหายประมาณ 7 ล้านบาท มีชาวบ้านถูกแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว 2 ราย ในข้อหาฉ้อโกง และคาดว่าจะมีเพิ่มขึ้นมาอีกเรื่อยๆ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าข้ามแจ้งว่าจะต้องหาเงินมาคืนให้ผู้ร้องถึงจะยุติเรื่องได้ โดยตนได้หารือกับอัยการผู้คุ้มครองสิทธิ และ ผบก.ภจว.นครพนม ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือชาวบ้าน ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 1-2 วันนี้