กาญจนบุรี - พ่อเมืองกาญจน์ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-พม่า พบเสียงดังจากระเบิดเป็นระยะ แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อไทย ขณะที่ KNU ใช้โดรนถล่มฐานทหารพม่าต่อเนื่อง ชาวบ้านจับภาพได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเกิดสถานการณ์การสู้รบกันระหว่างกองกำลังกะเหรี่ยง พล.น.4 กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNLA.) กับ ทหารเมียนมาในพื้นที่บ้านแม่น้ำธิคิ อ.เมตตา จ.ทวาย ประเทศสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา อย่างรุนแรงและต่อเนื่องกันมานาน ซึ่งจุดปะทะอยู่ห่างจากช่องทางบ้านพุน้ำร้อน หมู่ 12 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เข้าไปประมาณ 10 กิโลเมตร การปะทะทำให้ประชาชนจากบ้านทิคิ ต้องอพยพมาหลบภัยมาอาศัยอยู่บริเวณพื้นที่ขนถ่ายสินค้าเข้าออกระหว่างประเทศที่มีแนวเขตติดชายแดนไทย ช่องทางพุน้ำร้อน
และเมื่อวันที่ 6 พ.ค.68 ที่ผ่านมา ทหารเมียนมาได้นำเครื่องบินรุ่น K-8 มาทิ้งระเบิดถล่มฐานกองกำลัง KNU ติดกับชายแดนไทย กองทัพอากาศจับสัญญาณได้จึงส่งเครื่อง F-16 จำนวน 2 ลำ จากกองบิน 4 อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ขึ้นบินลาดตระเวนรบ เนื่องจากเครื่องบินทิ้งระเบิด K-8 ของทหารเมียนมา บินเข้าใกล้แนวชายแดนไทย ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้ (7 พ.ค.) นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วยนายวุฒิพงษ์ สุภัควนิช นางพรรณวิภา ปิยัมปุตระ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี นายฑรัท เหลืองสอาด ปลัดจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมคณะ ได้เดินทางไปติดตามสถานการณ์ที่บริเวณชายแดนช่องทางพุน้ำร้อน ต.บ้านเก่า อ.เมืองกาญจนบุรี โดยมีนายสมบูรณ์ แผนสมบูรณ์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี พ.ต.อ.กรณ์ สมคะเนย์ ผกก.ตม.กาญจนบุรี นายประสาน สงวนพันธ์ นายก อบต.บ้านเก่า นายอภิรัฐ สงบจิต ผู้ใหญ่บ้านบ้านพุน้ำร้อน หมู่ 12 ต.บ้านเก่า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ มี พ.อ.ปิยะเณศร์ ภัทรศาศวัตวงษ์ รอง ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ ชี้แจงสถานการณ์การสู้รบให้ทราบ ซึ่งการลงพื้นที่ของนายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ผวจ.กาญจนบุรี ในวันนี้นั้น ยังคงได้ยินเสียงดังจากการยิงปะทะกันอย่างต่อเนื่อง แต่ทั้งหมดไม่ได้ส่งผลกระทบต่อชายแดนฝั่งไทยแต่อย่างใด
ทั้งนี้นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ผวจ.กาญจนบุรี เปิดเผยภายหลังว่า จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตามที่ชาวจังหวัดกาญจนบุรีได้รับทราบนั้น ในส่วนของจังหวัดกาญจนบุรีได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับทางฝ่ายความมั่นคงกองพลทหารราบที่ 9 กองกำลังสุรสีห์ อนาคตหากสถานการณ์การสู้รบรุนแรงมากยิ่งขึ้นจนนำไปสู่การอพยพเข้ามาของประชาชนชนเมียนมา ทางจังหวัดกาญจนบุรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดเตรียมสถานที่รองรับเอาไว้แล้ว 100 เปอร์เซ็นต์
สำหรับสถานการณ์ในวันนี้ยังคงได้ยินเสียงดังจากการปะทะจากด้วยอาวุธปืนและระเบิดเป็นระยะๆ ซึ่งทราบว่าเกิดการสูญเสียกำลังของทั้งสองฝ่าย ประชาชนจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านก็เกิดความตื่นตระหนกจึงอพยพออกจากบ้านเรือนมาอาศัยอยู่ตามพรมแดน หากมีความจำเป็นจริงๆก็คงให้ผู้อพยพเข้ามาอาศัยอยู่ในสถานที่ที่จัดเตรียมเอาไว้รองรับเพื่อให้เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยธรรม ซึ่งเป็นไปตามหลักสากล
แต่อย่างไรก็ตามขอประชาสัมพันธ์ไปถึงพี่น้องประชาชนชาวกาญจนบุรีและคนไทยทั่วประเทศให้ทราบข้อเท็จจริงว่า สถานการณ์การสู้รบบริเวณพรมแดนยังห่างไกลจากพื้นที่ชั้นในอยู่มาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะกองพลทหารราบที่ 9 กองกำลังสุรสีห์ นำโดย พล.ต.อัษฎาวุธ ปันยารชุน ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 ร่วมกับจังหวัดกาญจนบุรี ได้เตรียมความพร้อมเอาไว้ที่บริเวณพรมแดนเอาไว้เป็นอย่างดี ดังนั้นพี่น้องประชาชนไม่ต้องตื่นตระหนกหรือตกใจกลัว เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นมันเป็นเรื่องภายในของประเทศเพื่อนบ้าน”นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ผวจ.กาญจนบุรี กล่าว
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่า สถานการณ์การสู้รบระหว่างทหารเมียนมากับกองกำลัง กะเหรี่ยง พล.น.4 กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNLA.)ตรงข้ามช่องทางบ้านพุน้ำร้อน ต.บ้านเก่า อ.เมืองกาญจนบุรี จนถึงขณะนี้ ทหารเมียนมาได้เสียชีวิตไปแล้วเป็นจำนวนมาก และในวันนี้กองกำลัง กะเหรี่ยง พล.น.4 กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNLA.)ใช้โดรนบินทิ้งระเบิดที่ผลิตขึ้นเองโจมตีฐานทหารเมียนมาอย่างหนักหน่วง ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่สามารถถ่ายคลิปเอาไว้ได้ และปัจจุบันมีชาวบ้านจากบ้านทิคิอพยพมาหลบภัยอยู่ตามแนวชายแดนฝั่งพม่าติดกับฝั่งไทยแล้วประมาณ 200 คน