xs
xsm
sm
md
lg

“ดร.พอล” ยื่นอุทธรณ์คำสั่ง มน.เลิกจ้าง อ้างไม่เป็นธรรม คนเซ็นไม่มีอำนาจ ไม่ให้โอกาสชี้แจง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



พิษณุโลก – “ดร.พอล แชมเบอร์ส" นักวิชาการสัญชาติอเมริกัน ยื่นอุทธรณ์คำสั่ง ม.นเรศวรเลิกจ้าง ระบุรองอธิการบดีผู้เซ็นคำสั่งไม่มีอำนาจ แถมอัยการภาค 6 ยังสั่งไม่ฟ้อง แต่กลับไม่มีโอกาสชี้แจง

วันนี้ (7 พ.ค.68) เว็บเพจ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษย์ชน ระบุว่า ดร.พอล แชมเบอร์ส (Dr. Paul Chambers) อาจารย์ประจำสถานประชาคมอาเซียนศึกษา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสืออุทธรณ์คำสั่งยกเลิกการจ้างงานผู้มีความรู้ความสามารถพิเศษเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย เมื่อ 6 พ.ค. 2568 ที่สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยนเรศวร

หลังจาก ผศ.ดร.ภาณุ พุทธวงศ์ รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร ปฏิบัติราชการแทนอธิการบดี ได้ออกคำสั่งยกเลิกการจ้าง ดร.พอล โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย. 2568 ซึ่งเป็นวันที่ถูกแจ้งคำสั่งเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร แม้ว่าในปัจจุบัน ดร.พอล ยังอยู่ในระหว่างอุทธรณ์คำสั่งเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรต่อคณะกรรมการพิจารณาคนเข้าเมือง

เหตุผลที่ใช้ในการอุทธรณ์โต้แย้งคำสั่งเลิกจ้าง ระบุว่าเป็นคำสั่งเกินอำนาจ ไม่ผ่านกระบวนการตามกฎหมาย คือ
1. คำสั่งเลิกจ้าง เป็นคำสั่งที่ไม่มีอำนาจ หรือนอกเหนืออำนาจหน้าที่ของรองอธิการบดี เนื่องจากรองอธิการบดีฝ่ายบริหาร ซึ่งปฏิบัติหน้าที่แทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นผู้ลงนามในคำสั่งเลิกจ้าง ดร.พอล ทั้งสองฉบับที่ออกเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2568 และ 24 เม.ย. 2568 ซึ่งอาจถือว่า เกินขอบเขตอำนาจหน้าที่ เพราะตามคำสั่งมหาวิทยาลัยที่ระบุการมอบอำนาจให้รองอธิการบดีปฏิบัติราชการแทนอธิการบดี ไม่ได้ระบุถึงอำนาจในการ “เลิกจ้าง” บุคลากร ไว้ ดังนั้น รองอธิการบดี ไม่มีอำนาจตามคำสั่งมอบหมายให้เลิกจ้างอาจารย์ได้โดยลำพัง จึงอาจทำให้คำสั่งเลิกจ้างทั้งสองฉบับนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย

2. คำสั่งยกเลิกการจ้างฯ ที่ไม่ถูกต้องตามขั้นตอนวิธีการอันเป็นสาระสำคัญที่กำหนดไว้ตามกฎหมาย และเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แม้ว่าปัจจุบัน ดร.พอล จะถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 9 เม.ย. 2568 และอยู่ในระหว่างการอุทธรณ์คำสั่งเพิกถอนการอนุญาต ฯ เนื่องด้วยถูกกล่าวหาในคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ

อย่างไรก็ตาม ดร.พอล เป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหาว่าโพสต์ข้อความลงในเว็บไซต์ของประเทศสิงคโปร์ ISEAS – Yusof Ishak Institute ซึ่งให้การต่อพนักงานสอบสวนว่าไม่ใช่ผู้เขียน ไม่ใช่ผู้โพสต์ข้อความเผยแพร่เนื้อหาในเว็บไซต์ดังกล่าว จึงไม่ใช่ผู้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา

นอกจากนี้ วันที่ 1 พ.ค. 2568 อธิบดีอัยการภาค 6 มีคำสั่งไม่ฟ้อง และอยู่ในระหว่างการส่งสำนวนความเห็นและคำสั่งไม่ฟ้องไปยังผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 เพื่อพิจารณาว่าจะมีคำสั่งไม่ฟ้องหรือไม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 145/1 ต่อไป จึงทำให้ขั้นตอนอยู่ระหว่างการโต้แย้งสิทธิเรื่องการเพิกถอนคำสั่งการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร
เมื่อหน่วยงานของรัฐจะออกคำสั่งที่มีผลกระทบต่อสิทธิของบุคคล อย่างการเลิกจ้าง ตาม พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 มาตรา 30 กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า ต้องเปิดโอกาสให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบได้ทราบข้อเท็จจริง ได้ชี้แจง และแสดงหลักฐานของตนก่อน คำสั่งนั้นจึงจะถือว่าชอบด้วยกฎหมาย แต่รองอธิการบดีไม่ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน และไม่ให้ ดร.พอล ชี้แจงข้อเท็จจริงหรือแสดงหลักฐานใด ๆ ก่อนจะมีคำสั่งเลิกจ้างออกมา

นอกจากนี้ ข้อบังคับของมหาวิทยาลัยนเรศวรเองก็ระบุไว้ว่า พนักงานมหาวิทยาลัยจะถูกเลิกจ้างได้ต้องมีเหตุชัดเจน เช่น ขาดคุณสมบัติ หรือกระทำผิดวินัย ซึ่งในกรณีของ ดร.พอล ไม่มีหลักฐานว่าเข้าข่ายลักษณะต้องห้าม หรือเคยกระทำผิดวินัยใด ๆ อีกทั้งผู้ลงนามในคำสั่งเลิกจ้างก็มีเพียงอำนาจในการบริหารทั่วไปและตั้งคณะกรรมการสอบสวนเท่านั้น ไม่ได้มีอำนาจเลิกจ้างโดยตรง

การออกคำสั่งดังกล่าวทำให้ ดร.พอล ขาดโอกาสในการชี้แจงข้อเท็จจริง เพื่อนำเสนอพยานหลักฐาน และกระบวนการโต้แย้งสิทธิทางกฎหมาย ดังนั้นคำสั่งยกเลิกการจ้างจึงเป็นคำสั่งที่เกินสมควรแก่เหตุ ไม่มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง จึงเป็นคำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย

3. คำสั่งยกเลิกการจ้างฯ เหตุถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร ไม่ได้เป็นเหตุสิ้นสุดสัญญา
ซึ่งตามสัญญาจ้างที่ ดร.พอล ทำกับมหาวิทยาลัยนเรศวร เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 2567 ได้ระบุชัดเจนว่าการสิ้นสุดแห่งสัญญาจะเกิดขึ้นในกรณีใดบ้าง ได้แก่ 1. เมื่อครบอายุสัญญา 2. ผู้มีความรู้ความสามารถพิเศษถึงแก่กรรม 3. คู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งบอกเลิกสัญญาโดยแจ้งให้อีกฝ่ายทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 เดือน ในกรณีที่ผู้มีความรู้ความสามารถพิเศษไม่ผ่านผลการประเมินการปฏิบัติงานประจำปี ให้มหาวิทยาลัยนเรศวรบอกเลิกสัญญาได้ทันที

ดังนั้นคำสั่งการยกเลิกการจ้างฯ ทั้ง 2 ฉบับดังกล่าว จึงไม่เข้าข่ายเหตุแห่งการสิ้นสุดสัญญาตามที่ได้ระบุไว้ข้างต้น ประกอบกับผู้มีอำนาจลงนามคำสั่งดังกล่าว มิได้เปิดโอกาสให้ ดร.พอล ได้นำเสนอพยานหลักฐาน และข้อเท็จจริงแต่อย่างใดเกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาท ดังนั้น คำสั่งการยกเลิกการจ้างฯ จึงไม่ถือว่าเป็นเหตุให้สามารถยกเลิกการจ้างงาน และสิ้นสุดตามสัญญาที่ได้ทำกับมหาวิทยาลัยนเรศวรได้

ดังนั้น คำสั่งของรองอธิการบดีฝ่ายบริหาร ปฏิบัติราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร ทั้งสองฉบับ จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงขอให้พิจารณามีคำสั่งเพิกถอน และให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงชะลอการพิจารณาเกี่ยวกับการจ้างงานจนกว่ากระบวนการโต้แย้งสิทธิทางกฎหมายจะเสร็จสิ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น