ศูนย์ข่าวขอนแก่น - พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงช่วย “อ๊อฟ-เบญจมาภรณ์” ผู้สมัครฯ ชิงนายกนครขอนแก่น และ 24 ผู้สมัคร ส.ท. ยก 4 เหตุผลที่ชาวชุมชนนครขอนแก่นควรเลือกคนของพรรคประชาชนเข้าไปบริหารเทศบาลนคร หลังลงจากเวทีถูกชาวบ้านห้อมล้อมถ่ายรูปเซลฟี เผยอีก 9 ปีมีความพร้อมนั่งเก้าอี้นายกฯ มากกว่าเดิม
บ่ายวันนี้ (4 พ.ค.) ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนจะถึงวันหย่อนบัตรเลือกตั้งในวันที่ 11 พ.ค.นี้ ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดขอนแก่น แห่งที่ 2 หรือ บขส.เก่า เขตเทศบาลนครขอนแก่น พรรคประชาชน ได้เปิดเวทีปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครขอนแก่น และสมาชิกสภาเทศบาลนครขอนแก่น หรือ ส.ท. ช่วย น.ส.เบญจมาภรณ์ ศรีละบุตร หรืออ๊อฟ ผู้สมัครนายก เบอร์ 4 และผู้สมัคร ส.ท.นครขอนแก่น ทั้ง 4 เขต จำนวน 24 คน ที่ลงสมัครในนามพรรคประชาชน
ก่อนที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงจะขึ้นเวทีปราศรัย ได้มีบรรดาแกนนำและ ส.ส.ขอนแก่น พรรคประชาชน และอดีต ส.ส.ขอนแก่น พรรคอนาคตใหม่ เช่น นายวีระนันท์ ฮวดศรี ส.ส.ขอนแก่น เขต 1 พรรคประชาชน นายอภิชาติ ศิริสุนทร อดีตเลขาธิการพรรคก้าวไกล อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และพรรคอนาคตใหม่ ขึ้นเวทีพบปะกับชาวเทศบาลนครขอนแก่น 95 ชุมชน กว่า 1,000 คน ที่เดินทางมาร่วมรับฟังการปราศรัยหาเสียง
หลังจากนั้น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ขึ้นเวทีทักทายชาวบ้านเป็นภาษาอีสานว่า “ขอนแก่นคิดฮอดหลาย” ก่อนที่จะเริ่มปราศรัยขอคะแนนเสียงจากประชาชนให้กับผู้สมัครนายก และผู้สมัคร ส.ท.ของพรรคประชาชน โดยยก 4 เหตุผลหลักที่ชาวเทศบาลนครขอนแก่นจะต้องเลือก น.ส.เบญจมาภรณ์ ผู้สมัครเบอร์ 4 เป็นนายก คือ 1. เป็นผู้สมัครฯ ที่เป็นผู้มีความรู้ด้านวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาในด้านต่างๆ ให้ชาวนครขอนแก่นได้ 2. มีนโยบายที่ครอบคลุมด้านการช่วยเหลือชาวชุมชนที่หลากหลาย ทั้งนโยบายที่เป็นนโยบายแข็ง เช่น การแก้ไขปัญหาด้านสาธารณูปโภค และนโยบายนุ่มนวล เช่น การส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมของชุมชน การศึกษา
3. การมี ส.ส.ขอนแก่น พรรคประชาชน ที่เป็นคณะทำงานช่วยเหลือในจังหวัดขอนแก่นถึง 3 คน ซึ่งจะสามารถเชื่อมประสานการทำงานในเรื่องต่างๆ ที่อยู่นอกเหนือการช่วยเหลือของเทศบาลนครขอนแก่นได้ และ 4. การที่มีพรรคการเมืองอันดับต้นๆ ของประเทศ อย่างพรรคประชาชน ที่จะคอยช่วยเหลือเจรจาการแก้ไขปัญหาทั้งในระดับบนดินและใต้ดิน ซึ่งทั้ง 4 เหตุผลนี้เป็นจุดแข็งที่ผู้สมัครท่านอื่นๆ ไม่มี
ภายหลังการปราศรัย นายพิธา พร้อมด้วยผู้สมัครนายก และผู้สมัคร ส.ท.ได้ถ่ายภาพร่วมกับชาวบ้าน โดยบุคคลที่ชาวบ้านให้ความสนใจยังคงเป็นนายพิธา ที่ถูกชาวบ้านห้อมล้อมถ่ายภาพเซลฟี พร้อมกับส่งเสียงกรี๊ด โดยมีจังหวะหนึ่งระหว่างการถ่ายภาพกับชาวบ้าน ได้มีหญิงรายหนึ่งได้เข้ากอดนายพิธา และบรรจงจูบลงบนแก้มข้างซ้ายของนายพิธาแบบเน้นๆ จนมีคราบลิปสติกสีแดงติดอยู่บนแก้ม ซึ่งหญิงรายดังกล่าวได้ยิ้มด้วยความชอบใจ
ช่วงหนึ่งผู้สื่อข่าวถามว่า มีชาวขอนแก่นบอกว่ารอพิธา กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี อยากบอกอะไรกับชาวบ้าน นายพิธากล่าวว่า ตอนนี้ตนได้ใช้เวลาอย่างเต็มที่ในการสะสมความรู้ สะสมบุคลากรที่เก่งๆ ทั้งคนไทยและทั่วโลกที่เดินทางไปพบเจอ มีคนไทยที่เก่งๆ ทั้งลูกหลานชาวขอนแก่นและชาวอีสานก็เยอะที่เดินทางไปศึกษายังต่างประเทศ คิดว่าวันหนึ่งหากเขากลับมาและไม่รังเกียจการเมืองก็จะมีโอกาสได้ช่วยกันบริหารบ้านเมือง "ไม่แน่ในอีก 9 ปีข้างหน้าผมอาจจะพร้อมมากกว่าเดิม มีทีมงานที่พร้อมที่เป็นเลือดใหม่ๆ เข้ามาทำงานพัฒนาประเทศร่วมกัน"
