สระบุรี - ชาวบ้านผวา!! กระบะตู้ทึบไล่จับเด็ก บริเวณ ซอยโรงแรมดารารีสอร์ต หมู่ที่ 4 ต.ปากข้าวสาร อ.เมือง จ.สระบุรี โชคดีที่ยังไม่สามารถจับเด็กไปได้ ฝาเตือนผู้ปกครองให้ระมัดระวังลูกหลาน อยู่ในช่วงปิดเทอมด้วย
วันนี้( 27 เม.ย.) จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ ragool Chaimongkol ได้โพสต์แชร์คลิปภาพวีดีโอและรูปภาพบาดแผลที่แขนของเด็ก โดยคลิปภาพจากกล้องวงจรปิด มีรถยนต์กระตู้ทึบสีขาว และมีชาย 2 คน กำลังไล่จับเด็กที่พยายามวิ่งหนีเพื่อเอาตัวรอด พร้อมกับระบุข้อความไว้ ว่า ตามหารถกระบะ ในภาพครับ มีชาย 2 คนลงมาจากรถพยายามจะดึงเด็กขึ้นรถ ขอบคุณท่านผู้ช่วย อํานาจ พวงดอกไม้ ช่วยประสานขอดูกล้องวงจรปิด อบต.
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังซอยโรงแรมดารารีสอร์ต หมู่ที่ 4 ต.ปากข้าวสาร อ.เมือง จ.สระบุรี ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ โดยได้พบกับ นางบุญธรรม จันทร์เที่ยง อายุ 61 ปี เป็นยายของเด็กที่ได้รับบาดเจ็บและเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ ได้เล่าว่า ตนเองเห็นเหตุการณ์เลย ได้ยินเสียงด้วยเพราะว่านั่งอยู่ตรงนี้ ตอนนั้นเห็นรถขับเลยไป พอผ่านไปสักประมาณ 10 นาที หรือ 15 นี่แหละ เขาก็ย้อนกลับมาอีก
พอเขาย้อนกลับมาตรงนี้เราก็บอกเฮ้ย รถคันนี้กลับมาอีกแล้วนะ ก็เลยบอกกับน้องสาวว่ารถคันนี้มันมาอีกแล้ว เดี๋ยวมันต้องจับเด็กตรงนี้แน่เลย เพราะเด็ก 3 คน มันเล่นอยู่ตรงนี้ ที่เข้าใจแบบนั้นเพราะว่าตอนแรกเขามาหยอกเด็กตรงนี้ก่อนที่ว่ามีหัวเด็กขายไหม ในความคิดของเราคิดว่ามันมาหยอกเด็กเล่นทําไม มาถามหาหัวเด็กอะไรอย่างนี้ เราก็คิดของเราคิดว่าคงมาหยอกเด็กเล่น แล้วที่นี้เขากลับมาอีกรอบนึงเราก็คิดว่าเค้าต้องต้องลงไปหยอกเด็กอีกแน่
เพราะว่ามันชะลอรถ ขับมาถึงมันก็ชะลอรถ พอดีเด็ก 3 คน ขี่จักรยานไปอยู่ตรงเสาไฟฟ้า เราก็เลยบอกบอกน้องสาวว่าเนี่ยเดี๋ยวค่อยดูนะ มันต้องจอดรถตรงเนี้ยแล้วมันจะต้องไปไล่จับเด็กตรงนั้นนะอ้อยเราพูดกับน้องสาว พอพูดเสร็จมันก็จอดรถเปิดประตูลงมา 2 คน มันก็วิ่งไล่กวดเด็กเลย เราก็อ้าว กูบอกแล้วจริงมั้ย มันไปไล่เด็กเราก็พูดกับน้องเราก็ยืนดูอยู่ตรงนี้
พอสักพักหนึ่งก็มันก็ยืนไล่เล่นกับเด็กแล้วก็หัวเราะไปด้วย เราก็คิดว่าเออมันหยอกเด็กเล่นนั่นแหละ และที่ว่าวิ่งไล่นั่นแหละมันไม่ใช่เรียกว่าเล่นมันไล่กวดเด็กๆก็วิ่งหนีเหมือนวิ่งไล่จับ เด็กมันก็กลัวเพราะว่าไม่รู้จัก มันก็วิ่งหนี อีกคนนึงก็วิ่งออกไปทางนู้น ก็เหลือ 2 คน มันก็วิ่งไล่จับไปเด็กมันก็วิ่งหนีออกไป มันก็วิ่งตามไป จับเด็กมาได้ 2 คน มันก็อุ้มมา 2 คน อุ้มมาถึงตรงนี้เราก็ยืนอยู่ ก็เลยบอกว่าหยอกเล่น น่ะเฮ้ย เขามาจับพวกมึงแล้ว มึงยังไม่หนีอีก เค้าก็ปล่อยเด็กแล้วก็เอาเด็กวางจับไหล่เด็กไว้
พอดีจังหวะมีรถปิกอัพขับมาจากทางนู้นแต่รถไปไม่ได้เพราะมีจักรยานจอดขวางไว้อยู่ ก็เลยบอกน้องเนิร์ด ให้เอารถออกจากทางปิกอัพเขาจะมา มันก็หันไปดูรถแล้วมันก็บอกว่าน้องรถมาแล้วเอารถหนีเขา แล้วมันก็ขึ้นรถไปเลย มันก็ไม่ได้พูดอะไรกับเรา และมันก็ไม่ได้เด็กไป
พอดีแม่น้องเนิร์ด มาถึงเด็กมันก็เลยฟ้องว่าแม่คนที่มาจับเด็ก ข่วนหนูเป็นแผล ที่สะบัดเป็นแผลเป็นรอยนิ้ว 4 นิ้วตรงเนีย มันเอาจริงนะ เราก็คุยกันกับหลานไอ้ปูมันเอาจริงนะ ถ้าอย่างนี้ต้องไปแจ้งความแล้วแหละ ที่ว่าเขามาจับเด็กหรือว่ามาอะไรอย่างนี้ ก็ให้ออกมาคุยไม่ได้ว่าจะเอาเรื่องคือให้มาคุย มาหยอกเด็กตรงนี้เพราะอะไรไม่ได้เจตนาดี หรือเจตนาร้ายแค่นั้นเอง ไม่ได้ว่าจะเอาเรื่อง
คือเหมือนว่าเราป้องกันกับเด็กหลายๆคนที่ว่าไม่ใช่ลูกเราไม่ใช่ลูกหลานเรามันก็มีเยอะในชุมชนนี้ พ่อแม่ก็ไม่ค่อยได้อยู่บ้าน ไปทํางานกันหมดเด็กก็ปล่อยไว้ ขี่รถจักรยานเล่นข้างทางอะไรอย่างนี้ เราก็คิดลูกเขาลูกเราๆก็คิดน่ะ
เด็กชาย เทวฤทธิ์ ปานร่วม อายุ 7 ปี (น้องเนิร์ด)ที่อยู่ในเหตุการณ์และบาดเจ็บ เกือบจะถูกชาย 2 คน จับตัวไปพร้อมกับให้ดูบาดแผลที่แขนข้างขวาและได้เล่า
เหตุการณ์ ว่า ตอนที่หนูอยู่ตรงนั้นมีรถมาจอดและเขามาถามว่าน้องมีหัวเด็กขายไหม หนูก็บอกว่าไม่มี แล้วหนูก็บอกอีกว่าไปหามีดมาสิ แบบนี้ พอเขาไปอีกสักแปบนึงเขาก็วนมาแล้วเขาก็จอดรถเปิดประตูมาไล่จับไล่จับเลยแล้วเราก็วิ่งหนีแต่เพื่อนหนูโดนจับแล้วหนูจะไปฟ้องตาแต่ไปฟ้องไม่ทัน เพราะลื่นล้ม
ส่วนเพื่อนๆพยายามขัดขืนหนีแต่หนีไม่ทัน แต่ถ้าหากตนเองถูกจับได้ก็จะพยายามต่อสู้หรือไม่ก็แอบ ส่วนบาดแผลมีที่แขนขวาเป็นรอยช้ำ 4 รอย เท่านั้น
นางสาว พัชชา ตาเสือ อายุ 24 ปี แม่ของ น้องเนิร์ด เล่าว่า เรื่องที่เกิดขึ้นตนเองทราบเรื่องกจากคุณยาย แล้วก็ได้พาน้องไปที่โรงพักเพื่อไปสอบถามขอดูกล้องวงจรปิด เนื่องจากว่าน้องถูกอุ้มไม่ทราบสาเหตุ ทางตํารวจ ก็ให้กลับมาขอดูกล้องทาง อบต.ก็ได้ประสานงานกับผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน แล้วก็ประสานงานกับรองเบิร์ด แล้วเขาก็ได้ช่วยไปดูกล้องวงจรปิดให้ แล้วก็เอารูปภาพหลักฐานไปที่โรงพัก
พอดูกล้องวงจรปิดเรารู้สึกก็ตกใจเสียขวัญเหมือนกัน ถ้าน้องถูกจับไปจริงๆอะไรประมาณนี้และถ้าหากรถกระบะคันนั้นไม่ขับผ่านมาน้องอาจจะถูกจับตัวไปซึ่งตนเองก็ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจากนี้ไปเราก็จะดูแลน้องให้ใกล้ชิดกว่านี้จะไม่ให้ออกมาเล่นตอนที่ไม่มีคนอยู่อะไรประมาณนี้