ศูนย์ข่าวศรีราชา - ปิดฉากคดีสะเทือนขวัญ หนุ่มจีนฆ่าสยองสาวสองปฏิเสธร่วมรัก ใช้กรรไกรกรีดหน้าอก ตัดหัวใจ - คว้านซีลีโคน อ้างโกรธจัด ยันไม่เกี่ยวค้าอวัยวะ ล่าสุดตำรวจพัทยานำตัวทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ขณะพ่อผู้ตายวอนประหารชีวิต
จากกรณีที่ นายวรนันท์ พันนาชา หรือโน๊ต อายุ 25 ปี ชาว จ.หนองคาย สาวประเภทสองหน้าตาดี ( LGBTQ+) ที่ผ่าตัดแปลงเพศแล้ว ได้ถูก นายถงหยวน ฟู่ ( Mr.Tongyung Fu ) อายุ 42 ปี ชาวจีน ฆ่าโหด กรีดหน้าอกตั้งแต่คอจนถึงอวัยะเพศ ควักหัวใจ ปอดข้างซ้ายหายไปข้าง ซ้ำยังกรีดเต้านมทั้งสองข้างคว้านซิลิโคนออกมาวางกองไว้ด้านนอก ก่อนทิ้งศพหมกในห้องน้ำภายในเกสต์เฮาส์แห่งหนึ่งในซอยอรุโณทัย พัทยากลาง จ.ชลบุรี
กระทั่งศาลจังหวัดพัทยา อนุมัติออกหมายจับและเจ้าหน้าที่ตำรวจตามควบคุมตัวได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ขณะเตรียมเผ่นหนีกลับเมืองคุนหมิง ประเทศจีน และถูกนำตัวกลับมาดำเนินคดีที่ สภ.เมืองพัทยา
โดยเจ้าตัวเปิดปากถึงสาเหตุการฆ่าสยองสาวสองเมืองพัทยา ว่าเป็นเพราะถูกปฏิเสธร่วมรัก ซ้ำถูกถีบตกเตียงจนฟิวส์ขาด บีบคอสิ้นใจตายคามือก่อน อยากเล่นและแกล้งศพ ใช้กรรไกรกรีดหน้าอก ตัดหัวใจ - คว้านซีลีโคน กองไว้ข้างนอก ซึ่งตนเองมาเมืองไทยถึง 3 ครั้งแล้วและมีอาชีพเป็นช่างเชื่อมเหล็ก พร้อมยืนยันการก่อเหตุไม่เกี่ยวข้องกับการค้าอวัยวะนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 12.00 น.วันนี้ (27 เม.ย.)) พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.เอนก สระทองอยู่ ผกก.สภ.เมืองพัทยา , พ.ต.ท.อรุษ สภานนท์ รอง.ผกก.(สืบสวน) , พ.ต.ท.สิริวัฒน์ คัชมาตย์ รอง ผกก.(ป.) ได้นำกำลังตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า 20 นาย คุมตัว นายถงหยวน ฟู่ ( Mr.Tongyung Fu ) ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ณ จุดเกิดเหตุท่ามกลางประชาชนที่ให้ความสนใจมายืนมองดูเหตุการณ์จำนวนมาก จนตำรวจต้องตรึงกำลังและกันพื้นที่เพราะหวั่นเกิดเหตุไม่คาดฝัน
พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ เผยว่าการทำแผนประกอบคำสารภาพในวันนี้เริ่มตั้งแต่ ผู้ต้องหาที่พาผู้ตายขึ้นไปบนห้องพัก จนถึงขั้นตกลงราคาและมีการจ่ายเงินให้กับผู้ตายจำรวน 8,000 บาทแต่ระหว่างที่จะเริ่มร่วมรักผู้ตายเกิดขัดขืน และมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง ผู้ต้องหาจึงขอให้คืนเงินครึ่งหนึ่งแต่ผู้ตายไม่ยอม จนเกิดการลงไม้ลงมือกันรุนแรงถึงขึ้นลากตัวผู้ตายลงจากเตียงและกดไปที่บริเวณลำคอจนสิ้นใจและใช้กรรไกรแทงกระทำตามที่เป็นข่าวไปก่อนหน้า
และยังนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ อีก 3 จุด ประกอบ ร้านร้านขายของทุกอย่าง 20 บาท , บริเวณท่ารถโดยสารประจำทางสาย เมืองพัทยา - กรุงเทพฯ ย่านถนนพัทยาเหนือ และบริเวณริมชายหาดพัทยาใต้ ก่อนถึงปากทางเข้าถนนวอลค์กิ้งสตรีท ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ตายกับผู้ต้องหาเจอกันครั้งแรก
“คดีนี้เป็นคดีอึกทึกคึกโครมและพี่น้องประชาชนให้ความสนใจ เพราะเป็นคดีที่มีลักษณะเหี้ยมโหดและทารุณ อีกทั้ง ผบ.ตร. และ ผบช.ภาค 2 ได้ฝากขอบคุณและชื่นชม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยาทุกนาย ทำงานได้อย่างรวดเร็ว และสามารถรวบรวมพยานหลักฐานจนออกหมายจับผู้ต้องหาได้ที่สนามบิน ขณะกำลังจะบินหลบหนีกลับประเทศ รวมถึงการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งตำรวจตม.และตำรวจท่องเที่ยว” ผบก.ภ.จว.ชลบุรี กล่าว
ด้าน นายอ้วน พันนาขา อายุ 61 ปี พ่อของนายวรนันท์ พันนาชา หรือ “น้องโน๊ต” เผยด้วยความโศกเศร้เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป เนื่องจาก น้องโน้ต เป็นเสาหลักของครอบครัว และเพิ่งสร้างบ้านใหม่ให้พ่อกับแม่
โดยผู้เป็นพ่อเล่าอีกว่า ก่อนหน้านี้เคยมีหมอดูทำนายว่าในปีที่อายุ 60 ปี จะต้องสูญเสียของรักของหวง ซึ่งตอนนั้นครอบครัวคิดว่าจะเป็นตัวพ่อเองที่จากไป ไม่คิดเลยว่าจะต้องมาเสียลูกชายแทน และยิ่งเศร้าใจไปกว่านั้น คือน้องโน้ต มาเสียชีวิตตรงกับวันเกิดของแม่พอดี ส่วนเรื่องของคดียากให้ผู้ก่อเหตุได้รับโทษประหารชีวิต