ศูนย์ข่าวศรีราชา- ชาวประมง อ.บางละมุง ไม่เห็นด้วยกับประกาศของคณะกรรมการประมงประจำจังหวัดชลบุรี ห้ามทำการประมงในที่จับสัตว์น้ำ บริเวณเกาะสาก ตำบลนาเกลือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ชี้สร้างความเดือดร้อนต่อชาวประมงชายฝังมในการประกอบอาชีพ พร้อมเห็นชอบในการช่วยกันอนุรักษ์ฟองน้ำหูช้างแต่ควรกำหนดจุดที่ขัดเจน
วันนี้ (22 เม.ย.) นายณัฐพงค์ วรรณพัฒน์ ประมงจังหวัดชลบุรี พร้อมด้วยนายวุฒิพงษ์ วงศ์อินทร์ ผู้อำนวยการส่วนทรัพพยากรทางทะเล สำนักงานที่ 2 จ.ชลบุรี เป็นประธานรับฟังความคิดเห็นจากกลุ่มชาวประมง อ.บางละมุง กรณีประกาศคณะกรรมการประมงประจำจังหวัดชลบุรี ห้ามทำการประมงในที่จับสัตว์น้ำ บริเวณเกาะสาก ตำบลนาเกลือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี โดยมีชาวประมงในพื้นที่ อ.บางละมุง กว่า 100 คนร่วมแสดงความคิดเห็นในครั้งนี้ ที่บริเวณโดมวิสุทธาจาร วัดประชุมคงคา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
นายณัฐพงค์ วรรณพัฒน์ ประมงจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า พื้นที่จับสัตว์น้ำบริเวณเกาะสาก ตำบลนาเกลือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี มีความหลากหลายทางชีวภาพ และมีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรสัตว์น้ำและระบบนิเวศ รวมทั้งเป็นแหล่งอาศัย หลบภัย แพร่ขยายพันธุ์ วางไข่และเลี้ยงตัวในวัยอ่อนของสัตว์น้ำ และในปีพ.ศ. 2567 มีรายงานพบฟองน้ำหูช้าง Cliona patera (Hardwick, 1820) ครอบคลุมพื้นที่ 190,000 ตารางเมตร ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะสาก ซึ่งการทำการประมงโดยใช้เครื่องมือทำการประมงที่ส่งผลกระทบต่อฟองน้ำหูช้าง
ดังนั้นเพื่อควบคุมมิให้การท้ำการประมงมีผลบั่นทอนความยั่งยืนของทรัพยากรสัตว์น้ำ จึงสมควรกำหนดมาตรการอนุรักษ์และบริหารจัดการให้เกิดความสมดุลทางธรรมชาติ และรักษาทรัพยากรสัตว์น้ำและระบบนิเวศไว้อย่างยั่งยืนตามหลักการป้องกันล่วงหน้า จึงมีประกาศดังกล่าว เพื่อป้องกันมิให้ได้รับผลกระทบจากการทิ้งสมอเรือ หรือจากเครื่องประมง เช่น อวนลาก ท้าให้ฟองน้ำหูช้างเกิดความเสียหาย เป็นต้น
ด้านนายรังสรรค์ สมบูรณ์ ประธานกลุ่มประมงต้นแบบ บ้านบางละมุง กล่าวว่า การประกาศห้ามจับสัตว์น้ำ บริเวณเกาะสาก ตำบลนาเกลือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ชาวประมง อ.บางละมุง ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับประกาศดังกล่าว เพราะจะสร้างผลกระทบต่อชาวประมงเป็นอย่างมาก เพราะไม่สามารถทำกินในพื้นที่บริเวณดังกล่าวได้เลย เช่น ตกปลา,หมึก หรือ ไดปลาหมึก ก็จะถูกจับทันที หากเป็นเช่นนั้นชาวประมงจะอยู่กันอย่างไร
“การประกาศหรือการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ควรจะมีประโยชน์มากกว่านี้ ไม่ใช่ประกาศสะเปะสะปะ เช่นนี้ ดังนั้นชาวบ้านส่วนใหญ่จึงไม่เห็นด้วยต่อประกาศฉบับนี้ แต่เห็นด้วยในการอนุรักษ์ฟองน้ำหูช้าง โดยจะต้องมีสัญลักษณ์ให้ชัดเจนว่าพื้นที่ใดมีฟองน้ำหูช้าง ซึ่งห้ามเข้าไปทำประมงบริเวณพื้นที่ดังกล่าวอย่างเด็ดขาด แต่ไม่ใช่ประกาศห้ามจับสัตว์น้ำในทุกพื้นที่เกาะสาก เพราะฟองน้ำหูช้าง มีเพียงบางจุดเท่านั้นที่พบแต่ไม่ใช่ประกาศควบคุมทั้งหมด ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องและไม่เห็นด้วย”
นายรังสรรรค์ กล่าวต่อไปว่า หากประกาศดังกล่าวของจังหวัดชลบุรี คัดค้านไม่ได้ผลในพื้นที่ กลุ่มชาวประมง อ.บางละมุง ก็จะร้องเรียนไปในระดับสูงต่อไป เพราะชาวประมงได้รับความเดือดร้อนจริงๆ
