พิษณุโลก - ป่าไม้ร่วมกับตำรวจสอบสวนกลางแจ้งความจับ “นายพลนอกราชการ” และพวกบุกรุกครอบครองพื้นที่ป่าวังทอง พบอ้าง ส.ท.ก.ให้อดีตผู้ใหญ่บ้านปรับพื้นที่-ล้มป่าไผ่ลุ่มน้ำวังทองฝั่งซ้ายระเนระนาด
วันนี้ (20 เม.ย. 68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสนาม ดาเดช หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พล.6 (พันชาลี) กรมป่าไม้ ร.ต.ท.อุทัย ไชยศรีสงคราม รอง สว.(ป) กก.บก.ปทส. ตำรวจสอบสวนกลาง CIB ร้องทุกข์กล่าวโทษ ให้ดําเนินคดีต่อบุคคลที่บุกรุกครอบครองพื้นที่ป่าไม้ ต่อ ร.ต.อ.สมาน พรมประดิษฐ์ รอง สว. (สอบสวน) สภ.วังทอง จว.พิษณุโลก
ฐานความผิด "พ.ร.บ.ป่าไม้ มาตรา 54 ฐาน “ร่วมกัน ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่า หรือกระทําด้วยประการใดๆ อันเป็นการทําลายป่า หรือเข้ายึดถือหรือครอบครองป่าเพื่อตนเอง พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ มาตรา 14 ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ยึดถือครอบครองทําประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทําไม้ เก็บหาของป่า หรือกระทําด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ
พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ มาตรา 26/4 “ผู้ใดกระทําหรือละเว้นการกระทําด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นการทําลายหรือเป็นเหตุให้เกิดการทําลายหรือทําให้สูญหายหรือเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ผู้นั้นมีหน้าที่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย
ตามคดีอาญา 206/68 ประกอบด้วย 1. นาย ส. อดีตผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่ ต.วังนกแอ่น อ.วังทอง จ.พิษณุโลก 2. อดีตนายทหาร ระดับพลตรี นอกราชการสังกัดกองทัพบก 3. นาง พ. (นามสมมติ)
ทั้งนี้ หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พล.6 (พันชาลี) ได้พานายสุรัตน์ โสดา เป็นผู้นําตรวจพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าลุ่มน้ำวังฝั่งซ้าย บ้านแก่งจูงนาง หมู่ที่ 7 ต.วังนกแอ่น อ.วังทอง พบร่องรอยการแผ้วถางป่าไผ่ล้มกระจัดกระจายทั่วพื้นที่ จับพิกัด 9-1-60 ไร่
นายทรงศักดิ์ กิตติธากรณ์ ผอ.สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ ได้สั่งการให้สํานักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สาขาพิษณุโลก ให้ดําเนินคดีโดยเด็ดขาด เนื่องจาก
1. บริเวณตรวจสอบ กล่าวอ้างว่ามีหนังสืออนุญาตให้ได้รับการผ่อนผันสิทธิทํากินชั่วคราว ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ (ครั้งที่ 1) เรียกว่า ส.ท.ก.1 มีการต่ออายุนั้น กรมป่าไม้ยืนยันว่า ขาดสิทธิ
2. พื้นที่ดังกล่าว พบว่าทับซ้อนรูปแปลงที่ได้รับการสํารวจรังวัดตามโครงการจัดการทรัพยากรที่ดินและป่าไม้ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 41 จํานวน 2 แปลง ดังนี้
2.1 แปลงที่ 1 ปรากฏรายชื่อ พลตรี..เนื้อที่ 14-1-59 ไร่ เป็นผู้ครอบครองพื้นที่
2.2 แปลงที่ 2 ปรากฏรายชื่อ นาง พ.(นามสมมติ) เนื้อที่ 11-0-74 ไร่ เป็นผู้ครอบครองพื้นที่
3. บริเวณตรวจสอบไม่อยู่ในพื้นที่ดําเนินโครงการจัดที่ดินให้ชุมชนตามนโยบายที่ดินแห่งชาติ ไม่ปรากฏร่องรอยการเข้าทําประโยชน์แต่อย่างใด ดังนั้น หากพื้นที่ดังกล่าวมีการบุกรุก ยึดถือ ครอบครอง เห็นควรให้หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พล.6 (พันชาลี) ดําเนินการตามกฎหมายอย่างเฉียบขาด อีกทั้งตามมติคณะรัฐมนตรี 26 พฤศจิกายน 2561 ให้ผ่อนผันการเข้าทําประโยชน์ในพื้นที่ป่าก่อนปี พ.ศ. 2557 หากเป็นการเข้าทําประโยชน์ในพื้นที่ป่าหลังปี พ.ศ. 2557 ถือว่าเป็นการบุกรุก