ศูนย์ข่าวศรีราชา – สมาคมนักข่าวพัทยา ออกแถลงการณ์ประณามการกระทำรุนแรงทุกรูปแบบ หลังเกิดเหตุ ส.อบจ.ชลบุรี ทำร้ายร่างกายผู้สื่อข่าวสัตหีบจนได้รับบาดเจ็บ ด้าน สนง.ตำรวจภูธรชลบุรี ออกหนังสือประชาสัมพันธ์ให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย
จากกรณีที่ สมาคมนักข่าวพัทยา ได้ออกแถลงการณ์ประณามการกระทำรุนแรงในทุกรูปแบบพร้อมแสดงความกังวลใจหลังเกิดเหตุสมาชิก อบจ.ชลบุรี ทำร้ายร่างกายนักข่าวในพื้นที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อเวลาประมาณ 02.36 น. วันที่ 18 เม.ย.2568 พร้อมระบุว่าการกระทำดังกล่าวกระทบต่อความปลอดภัยในการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน และอาจส่งผลกระทบต่อเสรีภาพในการรายงานข่าวซึ่งถือเป็นองค์ประกอบสำคัญในการตรวจสอบสังคม
โดยในข้อแถลงยังบอกว่า บุคคลที่ถูกกล่าวหาอยู่ในตำแหน่งทางราชการและมีบทบาทในระดับท้องถิ่น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงสะท้อนถึงความจำเป็นในการพิจารณาแนวทางการใช้อำนาจหน้าที่อย่างเหมาะสม และการรักษามาตรฐานด้านจริยธรรมของเจ้าหน้าที่รัฐพร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบ ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและกระบวนการทางกฎหมายอย่างเป็นธรรม โปร่งใสและปราศจากการช่วยเหลือแทรกแซง
รวมทั้งขอให้พิจารณามาตรการทางวินัยในกรณีที่พบว่ามีการกระทำผิดจริงตามบทบาทหน้าที่ของข้าราชการ ซึ่งสมาคมนักข่าวพัทยา จะติดตามความคืบหน้าในกรณีดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และขอยืนยันหลักการในการยืนหยัดเคียงข้างผู้ปฏิบัติงานด้านสื่อสารมวลชนที่ยึดมั่นในจรรยาบรรณ ความถูกต้อง และความ ปลอดภัยในการทำงานนั้น
ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ ( 18 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ได้ออกจดหมายข่าวประชาสัมพันธ์ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้รับรายงานจาก พ.ต.อ. คมสรร คำตุ่นแก้ว ผกก.สภ.สัตหีบ เป็นที่เรียบร้อยแล้วและยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย พร้อมสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ต่อไปนั้น
จากการติดตามความคืบหน้ากรณีดังกล่าวทราบว่านักข่าวที่ถูกทำร้ายในร้านอาหารกึ่งผับคือ นายนันทพล หรือนัท ทิพย์ศรี อายุ 36 ปี ส่วนผู้ก่อเหตุคือ นายอัครพล หรือ “สจ.บอม” สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี ซึ่งหลังเกิดเหตุได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.สัตหีบ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดย นายนันทพล หรือนัท เผยว่าขณะนี้ยังมีร่องรอยบาดเจ็บบริเวณโหนกแก้มซ้าย รอยเขียวช้ำที่ลำคอ และอาการปวดศีรษะ และยังบอกอีกว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ริมถนนสุขุมวิท (บางนา-ตราด) ต.สัตหีบ ซึ่งตนเองรู้จักกับ สจ.บอม มานานกว่า 10 ปี ตั้งแต่รุ่นพ่อยังดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน
“ ในคืนเกิดเหตุได้ไปนั่งรับประทานอาหารกับนักข่าวรุ่นพี่ตามปกติ กระทั่ง สจ.บอม เดินเข้ามาพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด และบอกว่า “วันนี้จะล่อลูกน้องพี่”ทำให้รู้สึกงง เพราะคนที่ สจ.บอม หมายถึงคือผู้ช่วยผู้สื่อข่าวในสังกัดของตัวเอง ต่อมา สจ.บอม ก็มาพูดท้าทายให้ออกไปต่อยกันหน้าร้านแม้จะพยายามเลี่ยงการมีปากเสียงแต่เหตุการณ์กลับไม่จบ กระทั่งเผชิญหน้ากันอีกครั้งที่หน้าห้องน้ำกลับถูกสจ.บอม บีบคอและต่อยหน้าอย่างรุนแรง”
นายนันทพล หรือนัท ยังเผยอีกว่าผู้ก่อเหตุยังมีการพูดจาดูถูกตนเองว่าเป็น “นักข่าวที่ไม่ดี ชอบกินฟรี ตีข่าวเรียกรับผลประโยชน์” โดยมีพยานในเหตุการณ์ยืนยันได้ ส่วนตัวเองก็มี หลักฐานการจองโต๊ะและการจ่ายเงินด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า แม้ สจ.บอม จะพยายามเจรจาให้ยอมความ แต่ผู้เสียหายยังคงยืนยันจะดำเนินคดีถึงที่สุดเพราะเกรงว่าหากยอมความแล้วชีวิตอาจไม่ปลอดภัย โดยคาดว่าต้นตอของเหตุการณ์ในครั้งนี้อาจเกิดจากการที่ผู้ช่วยผู้สื่อข่าวของ นายนันทพล ไปโพสต์คำถามในโซเชียลว่า “ตู้คีบตุ๊กตาภายในร้านอาหารดังกล่าวเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่” จึง อาจสร้างความไม่พอใจให้ สจ.บอม ที่มีความสนิทกับร้านดังกล่าว
และจากการสอบถามไปยัง พ.ต.อ.คมสรร คำตุ่นแก้ว ผกก.สภ.สัตหีบ ทราบว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการลงพื้นที่ตรวจสอบและรวบรวมหลักฐาน โดยได้สอบปากคำผู้เสียหายเบื้องต้นแล้ว แต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า สจ.บอม ได้เดินทางไปพ่อพ่อและแม่ของนักข่าวผู้เสียหาย เพื่อขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว แต่ยังปฏิเสธให้สัมภาษณ์หรือแสดงความเห็นใดๆ ต่อสื่อมวลชน
