สมุทรสงคราม - ฝนที่ตกลงมาเมื่อวานนี้ ส่งผลทำให้ลิ้นจี่ของ จ.สมุทรสงคราม ที่กำลังแก่ได้ที่นอกจากจะร่วงหล่นเพราะแรงลมแล้ว เปลือกยังปริแตกคาต้นได้รับความเสียหายจำนวนมากอีกด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเมื่อวานนี้พายุฝนได้กระหน่ำอย่างหนักนานกว่า 1 ชั่วโมง ทำให้ลิ้นจี่ของจังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งมีพื้นที่เพาะปลูก 5,093 ไร่ และปีนี้ให้ผลผลิตประมาณ 3,500 ตัน แม้บางส่วนเจ้าของสวนจะได้ทยอยเก็บขายไปบ้างแล้วประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนเป็นต้นมา แต่ก็ยังมีลิ้นจี่อีกจำนวนมากที่กำลังแก่ได้ที่บางส่วนได้ร่วงหล่นเพราะแรงลมได้รับความเสียไปแล้วไม่น้อย
ขณะนี้ชาวสวนก็ต้องเร่งเก็บเกี่ยวผลผลิตอย่างเร่งด่วน มิฉะนั้นอีกวันสองวันนี้ ลิ้นจี่ที่ได้รับน้ำฝนเปลือกจะปริแตกได้รับความเสียหายมากยิ่งขึ้นเนื่องจากเมื่อลิ้นจี่ใกล้จะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ชาวสวนจะงดให้น้ำเพื่อให้ผลลิ้นจี่แห้งและมีรสหวานยิ่งขึ้นแต่เมื่อฝนตกลงมาลิ้นจี่ที่ไม่ได้รับน้ำมานานก็จะดูดซึมอย่างเต็มที่เนื้อลิ้นจี่ก็จะโตขึ้นอย่างรวดเร็วขณะที่เปลือกขยายตัวไม่ทันก็จะปริแตกคาต้นไม่สามารถนำไปขายได้
ด้านนายสนธยา ตันติรักษ์ เจ้าของสวนลิ้นจี่รายใหญ่ในตำบลสวนหลวงและตำแควอ้อม อำเภออัมพวา ซึ่งปลูกลิ้นจี่ประมาณ 300 ต้น และให้ผลผลิตประมาณ 120 ต้น บอกว่ายังเหลือลิ้นจี่ทั้งที่แก่ได้ที่และยังไม่แก่ยังไม่ได้เก็บผลผลิตอีกประมาณ 3-4 ตัน ฝนที่ตกลงมาเมื่อวานนี้ทำให้ลิ้นจี่ของตนร่วงหล่นโคนต้นได้รับความเสียหายไปแล้วส่วนหนึ่งคาดว่าไม่น้อยกว่า 20 เปอร์เซนต์ คิดเป็นมูลค่าเกือบ 1 แสนบาท และยังจะทยอยแตกได้รับความเสียหายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามขณะนี้ตนได้ระดมคนงานเร่งเก็บผลผลิตที่แก่ได้ที่อย่างเต็มที่ เพราะหากฝนตกซ้ำลงมาอีกลิ้นจี่ก็จะแตกเสียหายมากยิ่งขึ้น
สำหรับลิ้นจี่ของจังหวัดสมุทรสงครามปีนี้ให้ผลผลิตประมาณ 3,500 ตันขณะนี้ชาวสวนได้ทยอยเก็บผลผลิตไปแล้วส่วนหนึ่ง แต่ยังเหลืออีกจำนวนมาก จะทยอยเก็บผลผลิตเรื่อยไป และคาดว่าลิ้นจี่จะหมดจากสวนประมาณปลายเดือนพฤษภาคมนี้ ส่วนราคาขายนั้นที่ผ่านมาเนื่องจากเป็นต้นฤดูและผลผลิตยังมีน้อยจึงขายได้ราคาตั้งแต่กิโลกรัมละ 150-250 บาท แต่เมื่อฝนตกลงมาช่วงนี้ชาวสวนต้องเร่งเก็บผลผลิตออกมาประดังกัน ราคาจึงอาจะถูกลงมาอยู่ที่กิโลกรัมละ 120-180 บาท แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพของลิ้นจี่แต่ละสวนด้วย
