จันทบุรี - กรมป่าไม้ ส่งชุดพยัคฆ์ไพร กลับเข้าพื้นที่ ต.บ่อเวฬุ อ.ขลุง จ.จันทบุรี อีกครั้งหลังข้อมูลการสืบสวนพบการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าตกพรม ปรับไถที่ดอนบนภูเขาปลูกสวนทุเรียน แต่ที่ผงะกว่าคือเจอการทำไม้หวงห้าม ซ้ำยังมีการทำให้ไม้ป่าธรรมชาติยืนต้นตาย เตรียมเอาผิดผู้เกี่ยวข้อง
จากกรณี กรมป่าไม้ โดยหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ (พยัคฆ์ไพร) สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า ยังคงเดินหน้าต่อเนื่องตรวจยึด และดำเนินคดีกับผู้บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเพื่อปลูกพืชเกษตร โดยเฉพาะทุเรียนใน 4 จังหวัดภาคตะวันออก ได้แก่ จันทบุรี ตราด ระยอง และฉะเชิงเทรา ภายใต้ยุทธการ "พิทักษ์ผืนป่าตะวันออก" นั้น
โดยได้สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามที่ 1 (ภาคกลาง), เจ้าหน้าที่สังกัดสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 9 (ชลบุรี) และตำรวจกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) เป้าเข้าตรวจสอบสวนทุเรียน บนยอดเขาพื้นที่ ม. 4 ต.บ่อเวฬุ อ.ขลุง จ.จันทบุรี
พบมีทำการบุกรุกเช่นเดียวกับทุกครั้งที่ที่ตรวจพบในช่วงผ่านมา ด้วยการใช้เครื่องจักรกลหนักเข้ามาปรับพื้นที่เป็นขั้นบันได และมีการปลูกต้นทุเรียน อายุไม่เกิน 1 ปี จำนวน250 ต้น และยังพบว่ามีการทำไม้หวงห้าม ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ 2530 เป็นไม้พยอมทั้งท่อนและแปรรูป รวมทั้งยังพบต้นไม้ขนาดใหญ่บางส่วน ถูกทำให้ยืนต้นตาย เจ้าหน้าที่จึงได้จับค่าพิกัดรอบแปลงที่ดิน คำนวณเนื้อที่ได้ 10-0-40 ไร่
จากการใช้อากาศยานไร้คนขับ ปฏิบัติการบินถ่ายภาพบริเวณแปลงที่เกิดเหตุบันทึกภาพลักษณะการใช้ประโยชน์พื้นที่ ซึ่งเมื่อนำมาตรวจสอบกับระบบภูมิสารสนเทศ พบว่าอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าตกพรม และไม่ปรากฏการสำรวจถือครองเพื่อดำเนินโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) และไม่พบการอนุญาตหรือสิทธิครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องในที่ดินแต่อย่างใด
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดพื้นที่และไม้หวงห้ามทั้งหมด พร้อมนำเรื่องราวแจ้งความกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.ตกพรม ในฐานความผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ 2507 มาตรา 14 ประกอบมาตรา 31 มาตรา 26/4 และพระราชบัญญัติป่าไม้ 2484 มาตรา 11 ประกอบมาตรา 73 มาตรา 54 ประกอบมาตรา 72 ตรี และมาตรา 69 เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดต่อไป
