เชียงใหม่/เชียงราย – องค์กรเอกชนเกาะติดเหมืองทองทุนจีนเขตว้าแดง ชี้..น้ำกกไหลจากรัฐฉานเข้าแม่อาย เชียงใหม่-เชียงราย ปนเปื้อนสารหนูชัดตามคาด จี้ตรวจหาสารปรอทเพิ่ม พร้อมเรียกร้องรัฐเจรจาเมียนมา-ว้า แก้ปัญหา ก่อนคนเสี่ยงไข้ดำ-มะเร็ง กันทั้งลุ่มน้ำ
กรณีสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษ (สคพ.) ที่ 1 เชียงใหม่ กรมควบคุมมลพิษได้ออกมาเปิดเผยผลการตรวจน้ำในแม่น้ำกกพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ จำนวน 3 จุด ว่าพบสารหนูเกินมาตรฐาน มีมากถึง 0.026 มิลลิกรัมต่อลิตร ขณะที่ค่ามาตรฐานอยู่ที่ 0.01 มิลลิกรัมต่อลิตร คนสัมผัสเสี่ยงไข้ดำ-มะเร็ง และเตรียมจะเปิดเผยผลการตรวจในพื้นที่ อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย ที่อยู่ใต้น้ำลงไปภายในอีก 1-2 วันนี้
นายอาวีระ ภัคมาตร์ ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษ (สคพ.) ที่ 1 เชียงใหม่ กล่าวว่าในพื้นที่ จ.เชียงราย ได้เก็บตัวอย่างน้ำไปตรวจเมื่อวันที่ 24 มี.ค. และเนื่องจากสารหนูน้ำหนัก-ตกตะกอน อาจจะไปถึงพื้นที่ จ.เชียงราย น้อยลง แต่เพื่อความไม่ประมาทควรหลีกเลี่ยงการการกลืนน้ำลงไปเวลาลงไปเล่นน้ำคลายร้อน หรือหากมีอาการผิดปกติของผิวหนังให้รีบไปพบแพทย์
ด้านนายสมเกียรติ เขื่อนเชียงสา นายกสมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต กล่าวว่าเรื่องที่พบสารหนูในแม่น้ำกกเกินค่ามาตรฐาน อยากให้มีการแก้ไขกันระหว่างรัฐต่อรัฐ และให้ผู้บริหารท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วม โดยมีการเชิญฝ่ายบริหารของรัฐว้าที่เป็นเจ้าของพื้นที่เหมืองทองและอยู่ต้นแม่น้ำกกเข้ามาพูดคุยหารือกัน รวมทั้งขอให้กระทรวงการต่างประเทศเข้ามาเป็นตัวแทนในการพูดคุยเพื่อหาทางออกเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว
“เป็นที่เข้าใจกันว่ารัฐว้าอยู่นอกเหนือกฎหมายของไทย แต่เราก็ต้องแก้ไขปัญหาให้เหมาะสมกับทั้ง 2 ประเทศ เพื่อให้แม่น้ำกกกลับมามีสภาพที่ปลอดภัยกับคนลุ่มแม่น้ำต่อไป”
น.ส.สมพร เพ็งค่ำ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาระบบประเมินผลกระทบทางสุขภายโดยชุมชน ผู้เชี่ยวชาญด้านมลพิษข้ามพรมแดน กล่าวว่าจากการติดตามเรื่องเหมืองทองพื้นที่ต้นแม่น้ำกกมาก่อน ก็คิดไม่ใช่เรื่องเกินคาดที่มีการพบเจอสารหนูในแม่น้ำ
สิ่งสำคัญหลังจากนี้คือต้องมีการตรวจสารปรอทด้วยโดยนำปลานักล่าในแม่น้ำมาตรวจหาการสะสมของสารปรอท ซึ่งสารปรอทจะกระจายไปได้ไกลเท่าใดขึ้นอยู่กับระบบนิเวศน์ของแม่น้ำกกเป็นสำคัญ หากพบความผิดปกติก็ควรสื่อสารให้ประชาชนได้ระมัดระวังต่อไป.
