xs
xsm
sm
md
lg

รมช.กลาโหม เยี่ยมคัดเลือกทหารใหม่ พร้อมต้อนรับ "น้องคนสุดท้องของกองทัพ"

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นครปฐม - รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการตรวจเลือกทหารใหม่ ณ จังหวัดนครปฐม เพื่อให้กำลังใจเยาวชนที่เข้าสู่กระบวนการตรวจเลือก พร้อมทั้งสร้างความมั่นใจแก่ผู้ปกครองและญาติพี่น้องถึงความพร้อมของกองทัพในการต้อนรับ “น้องคนสุดท้องของกองทัพ”

วันนี้( 4 เม.ย.) พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ที่ซุ้มพุทธมามกะ องค์พระปฐมเจดีย์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม เพื่อให้กำลังใจเยาวชนที่เข้าสู่กระบวนการตรวจเลือก พร้อมทั้งสร้างความมั่นใจแก่ผู้ปกครองและญาติพี่น้องถึงความพร้อมของกองทัพในการต้อนรับ “น้องคนสุดท้องของกองทัพ”

เพื่อพบปะให้กำลังใจเยาวชนและครอบครัวของพวกเขา พร้อมย้ำว่า “ทุกคนที่เข้ามาไม่ว่าจะสมัครใจหรือจับฉลาก ล้วนเป็นคนสำคัญของประเทศชาติ ที่กองทัพจะดูแลอย่างดีที่สุด เสมือนคนในครอบครัว” โดยมี นายรณภพ เวียงสิมมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม พร้อมด้วย รอง กอ.รมน.จังหวัดนครปฐม นายอำเภอเมืองนครปฐม ผู้นำท้องถิ่น และพ่อแม่ผู้ปกครอง ญาติพี่น้องมาร่วมให้กำลังในครั้งนี้

สำหรับการตรวจเลือกทหารกองเกิน รับราชการทหารกองประจำการ อำเภอเมืองนครปฐม มีความต้องการจำนวน 55 นาย แบ่งเป็นทหารบก 25 นาย ทหารเรือ 22 นาย และทหารอากาศ 8 นาย ซึ่งมีผู้สมัครใจจำนวน 28 คน หลีกเลี่ยง 3 คน และลุ้นจับใบแดง 24 คน

พลเอก ณัฐพลฯ กล่าวถึงบทบาทของกองทัพไทยในยุคปัจจุบันว่า ได้มีการเปลี่ยนแปลงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยยึดหลัก “หน่วยทหารปลอดภัย” ยกระดับการฝึกให้ทันสมัย สอดคล้องกับบริบทโลกที่เปลี่ยนแปลง พร้อมทั้งสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการเปลี่ยนผ่านจากระบบเกณฑ์ไปสู่ “ระบบสมัครใจ”

ทั้งนี้ กองทัพยังให้ความสำคัญกับการสร้าง “คนดีของชาติ” ผ่านการฝึกที่ปลอดภัย การคัดเลือกครูฝึกที่มีคุณภาพ และการเปิดโอกาสให้ทหารใหม่ได้รับการศึกษาต่อเนื่อง เสริมทักษะอาชีพ และเตรียมความพร้อมสู่ตลาดแรงงานภายหลังปลดประจำการ รวมถึงการเปิดช่องทางสู่การเป็นนักเรียนทหาร นายสิบตำรวจ หรือรับราชการต่อ

โดยนายสรวิชญ์ จูอินทร์ ผู้เข้ารับการสมัครคัดเลือกเป็นทหารในปีนี้บอกว่าตนเองได้จบการศึกษาเกี่ยวกับทางด้านไฟฟ้าและคิดว่าอยากจะลองสมัครเข้าเป็นทหารโดยใช้เวลาหกเดือนเพื่อหาแนวทางในการประกอบอาชีพต่อเพราะมองว่า ทหารเป็นอาชีพที่มั่นคงและสามารถช่วยเหลือสังคมได้ ทั้งนี้ยังไม่เคยรู้มาก่อนว่าการเข้ารับการเป็นทหารจะต้องเจออะไรบ้าง

เบื้องต้นก็รู้สึกกลัวแต่ก็คิดว่าไม่มีอะไรยากเพราะได้ มีการเตรียมการทางร่างกายมาแล้วหนึ่งปีเพื่อที่จะตั้งใจมาสมัครโดยตรงหากเรียนรู้แล้วก็อยากจะเป็นทหารอาชีพต่อไปซึ่งตอนนี้ได้เลือกเหล่าทหารบกเอาไว้เพราะอยากทดลองขับรถถังดูหากมีโอกาส

ส่วนนาง มารดาบอกว่า ลูกชายได้มาปรึกษากับตนเองไว้ว่าจะขอสมัครเข้าเป็นทหารในปีนี้เลยเพราะเขามองว่าเป็นอาชีพที่มั่นคงซึ่งทางแม่ก็ไม่ติดปัญหาอะไรโดยเห็นว่าเค้ามีการเตรียมร่างกายมาแล้วประมาณหนึ่งปีในการออกกำลังกายซึ่งจะเห็นว่าทั้งมีการวิ่งและการเวทเทรนนิ่งจนร่างกายมีความพร้อมซึ่งในทัศนคติของแม่ มองว่าการเป็นทหารก็ทำให้ลูกชายมีวินัยมากขึ้น และทหารเองก็ทำอะไรเพื่อประชาชนมาเยอะซึ่งเมื่อเขาชอบเราก็ไม่ติดขัดที่จะส่งเสริมให้เขาสมัครเข้ารับการเป็นทหารทันทีและเชื่อว่าอาชีพทหารหากเขาเดินทางสายนี้ต่อก็จะทำให้เกิดความมั่นคงในชีวิตได้แน่










กำลังโหลดความคิดเห็น