ลำปาง - ผู้ตรวจการแผ่นดินภูมิภาคฯแจงยิบ..ไม่ได้ปล่อยผู้รับเหมาทิ้งงานสร้างตึก สตง.พะเยา ยันปรับรายวัน-ยกเลิกสัญญาและอยู่ระหว่างหาผู้รับจ้างรายใหม่รอบที่ 2 หลังประเมินแล้วราคากลางงานค้างแพงกว่างบที่เหลือ-เปิดประมูลรอบแรกแล้วไร้คนยื่นซอง
กรณีมีข่าวอาคารสูง 3 ชั้นขนาดใหญ่ 2 หลัง ซึ่งเป็นที่ก่อสร้างอาคารสำนักงาน สตง.จังหวัดพะเยา ตั้งอยู่หมู่ 8 ต.แม่ปืม อ.เมืองพะเยา ถูกทิ้งรกร้างทั้งยังก่อสร้างไม่เสร็จ ซึ่งอาคารแห่งนี้ เป็นโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานพร้อมบ้านพัก และส่วนประกอบอื่นๆ ของ สตง.พะเยา งบประมาณก่อสร้าง 73 ล้านบาท กำหนดเริ่มสัญญา 18 สิงหาคม 2564 แล้วเสร็จ 10 เมษายน 2566 นั้น
วันนี้(4 เม.ย.)นางรสสุคนธ์ เคนพะนาน ผู้ตรวจการแผ่นดินภูมิภาคที่9ลำปาง (สตภ.9) พร้อมด้วย นายพิษณุวัชร์ วีระพงศ์เดช รองผู้ตรวจการแผ่นดินภูมิภาคที่9ลำปาง ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับเรื่องที่กำลังเป็นกระแสข่าวในขณะนี้ว่า ทาง สตภ.9 ไม่ได้นิ่งนอนใจและไม่ได้ปล่อยให้ผู้รับจ้างทิ้งงานตามที่เป็นข่าว
ผู้ตรวจการแผ่นดินภูมิภาคที่ 9 ลำปาง ได้ให้ข้อมูลว่า สำหรับอาคารสำนักงานฯ ที่กำลังเป็นประเด็นนั้น ทางสตภ.9 ได้บอกยกเลิกสัญญากับผู้รับจ้างไปเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2567 จนถึงวันนี้ก็ประมาณ 5 เดือนแล้ว หลังจากนั้นก็ได้มีการประกาศเชิญชวนให้ผู้รับจ้างรายใหม่เข้าร่วมประมูลราคาเพื่อเข้าทำงานต่อในส่วนที่เหลือ โดยได้มีการเชิญชวนผู้รับจ้างไปเมื่อวันที่ 6 มี.ค. 68 และขอให้ผู้รับจ้างยื่นประกวดราคาภายในวันที่ 18 มี.ค.68 ที่ผ่านมา
แต่ปรากฏว่าไม่มีผู้รับจ้างมายื่นซองประกวดราคาแม้แต่รายเดียว เนื่องจากราคากลางของงานที่เหลือสูงกว่างบประมาณที่เหลืออยู่ โดยไม่สามารถเพิ่มวงเงินได้ ทำให้ขณะนี้ สตภ.9 ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อทบทวนราคากลางใหม่ เพื่อนำไปหาผู้รับจ้างรายใหม่เข้าดำเนินการต่อ เนื่องจากงานที่ก่อสร้างได้ทำไปแล้ว 38% พร้อมกับการขอขยายเวลาในการดำเนินงานโครงการออกไปก่อนอีก 6 เดือน ซึ่งก็หวังว่าจะมีผู้รับจ้างรายใหม่เข้ามาดำเนินการต่อเร็วๆนี้
ส่วนที่บอกว่า สภต.9 ปล่อยให้ผู้รับเหมาทิ้งงานมา 2 ปีนั้น ที่จริงแล้วตั้งแต่เริ่มประกวดราคา เป็นการประกวดราคาแบบอิเล็กทรอนิกส์ เมื่อได้ผู้รับเหมาและเริ่มเข้าทำงาน สตภ.9 มีหน้าที่ในการตรวจรับงานแต่ละงวดและเบิกจ่ายเงินให้เท่านั้น ซึ่งหลังจากเริ่มดำเนินงานก็ไม่มีปัญหาได้มีการส่งมอบงาน-เบิกจ่ายเงินให้ตามงวดที่เสร็จ
เมื่อสิ้นสุดสัญญา 10 เม.ย.66 ผู้รับเหมาได้รับการยกเว้นช่วงโควิดอีก 317 วัน ทำให้สัญญาขยายมาสิ้นสุด 21 ก.พ.67 หลังจากกลับมาเริ่มทำงานใหม่ก็พบว่างานล่าช้า เนื่องจากทราบภายหลังว่าผู้รับจ้างรับงานหลายที่และน่าจะมีปัญหาสภาพคล่อง ทำให้งวดงานเสร็จไม่ตามสัญญา ซึ่งระหว่างนั้น ก็ได้มีการคิดค่าปรับล่าช้าวันละ 68,000 บาท
ต่อมาพบว่างานสะดุดมาเรื่อยๆ จนกระทั่ง ดูแล้วว่าค่าปรับกับระยะเวลาทำงานตามสัญญาและความคืบหน้าของงานไม่สอดคล้องกันน่าจะไปต่อไม่ได้ สภต.9 จึงแจ้งบอกเลิกสัญญากับผู้รับจ้าง วันที่ 15 ตุลาคม 2567 ซึ่งทำให้มีค่าปรับ ณ วันยกเลิกสัญญาประมาณ 13 ล้านบาท ซึ่งจำเป็นต้องเรียกจากผู้รับจ้างอีกประมาณกว่า 1 ล้านบาท พร้อมกับประสานหลักประกันคืนมาอีก 3.5 ล้านบาท
หลังจากยกเลิกสัญญาช่วง พ.ย.- ธ.ค. สภต.9 ยังคงลงพื้นที่เพื่อตรวจหน้างาน สรุปงานทั้งหมด เพื่อให้ผู้รับเหมาขนย้ายอุปกรณ์ออกจาพื้นที่ พร้อมเริ่มเขียนแบบใหม่ต่อจากที่ทำค้างอยู่ เมื่อเรียบร้อยจึงแจ้งกระทรวงการคลังให้ผู้รับจ้างเป็นผู้ทิ้งงาน เมื่อวันที่ 4 ก.พ.68 หลังจากนั้นก็ได้ดำเนินการตามระเบียบ และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
ขณะเดียวกันเมื่อวันที่ 27 มี.ค.68 ได้ทำเรื่องไปยัง สตง.เพื่อขอขยายระยะเวลาในการใช้เงินออกไปก่อนอีก 6 เดือน ซึ่ง ผู้ว่าฯได้อนุมัติให้ขยายต่อไปถึงเดือนกันยายน 68 นี้
ทั้งนี้อยากบอกว่า แม้จะเป็นงานที่ สตง.ทำก็ต้องเดินตามกรอบระเบียบไม่มีอภิสิทธิ์ที่จะเดินออกนอกกรอบและกฎหมายที่กำหนด และจะพยายามหาผู้รับจ้างมาต่องานให้เสร็จในวงเงินที่มีอยู่ เพราะหากต้องคืนเงินแล้วกลับไปเริ่มใหม่ก็จะเกิดความเสียหายมากกว่าเดิม