(คลิป) "เสธ.หิ" ลั่นไม่อ่อนข้อผู้บุกรุกพื้นที่เขื่อนคีรีธาร สั่งรื้อทันทีสิ่งปลูกสร้างใหม่ท้าทายอำนาจรัฐ

จันทบุรี -“เสธ.หิ” ลงพื้นที่จันทบุรี ติดตามความคืบหน้าการบุรุกพื้นที่โครงการพลังน้ำเขื่อนคีรีธาร หลังพบมีสิ่งปลูกสร้างใหม่ สั่งยึดทันที ชี้อย่าท้าทายอำนาจรัฐยันไม่อ่อนข้อผู้บุกรุกพื้นที่ แม้ชาวบ้านบาส่วนจะขึ้นป้ายคัดค้าน

วันนี้ ( 3 เม.ย.) ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ หรือ “เสธ.หิ” ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้นำคณะเดินทางลงพื้นที่ จ.จันทบุรี เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการไฟฟ้าพลังน้ำคีรีธาร รวมถึงตรวจสอบการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ “เกาะ 100 ไร่” กลางเขื่อนคีรีธาร อ.ขลุง จ.จันทบุรี หลังครบกำหนดที่ผู้บุกรุกจะต้องดำเนินการรื้อถอนภายใน 30 วัน



โดยในช่วงเช้าได้ประชุมร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ ห้องประชุมตากสิน ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดจันทบุรี โดยมี นายวิสุทธิ์ ประกอบความดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี เป็นประธาน และมีเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ กระทรวงพลังงาน และฝ่ายความมั่นคง เข้าชี้แจงความคืบหน้าการดำเนินงานรอบอ่างเก็บน้ำคิรีธาร

ขณะที่เจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงาน รายงานว่าการดำเนินงานต่างๆ เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ และยังเหลือเพียงต้นทุเรียน และต้นกล้วย ที่ยังไม่ได้ขุดถอนออกจากพื้นที่ ขณะเดียวกันก็พบว่ามีการบุกรุกใหม่เพิ่มเติมอีก 4 ราย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนสืบสวน และเตรียมดำเนินคดีตามกฎหมาย


จากนั้นได้นำคณะลงพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่โดยรอบเขื่อนคีรีธาร ต.บ่อเวฬุ อ.ขลุง พบสิ่งปลูกสร้างลักษณะเป็นบ้านพักตั้งอยู่บนเกาะขนาด 9 ไร่ ซึ่งถือเป็นพื้นที่กลางอ่างเก็บน้ำ โดยเสธ.หิ ระบุชัดว่าสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดจะต้องถูกยึดเป็นของกลาง และให้เวลาเจ้าของพื้นที่เข้าทำการรื้อถอนออก ภายในวันที่ 20 เม.ย.นี้และหากฝ่าฝืน จะดำเนินคดีตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ระหว่างการลงพื้นที่ เจ้าหน้าที่ยังพบป้ายข้อความต่อต้านคำสั่งของกระทรวงพลังงาน ที่ให้ผู้บุกรุกรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ออกจากพื้นที่ภายใน 30 วัน ซึ่งบางข้อความมีลักษณะเสียดสี เช่น “อยู่ทำมา 7 ชั่วโคตร สั่งให้รื้อใน 30 วัน มึ..คิดไง มันง่ายไปมั้ย” ซึ่ง เสธ.หิ ยังคงยืนยันในจุดยืนเดิมว่าจะไม่ปล่อยให้มีการท้าทายอำนาจรัฐ

“ ผมเห็นแล้วและขอเตือนว่าใครไม่ใช่ชาวบ้านที่ทำกินจริง ให้รีบออกจากพื้นที่ มิฉะนั้นจะต้องถูกดำเนินคดี ส่วนกรณีที่ชาวบ้านบางส่วนได้ยื่นขอผ่อนผันเวลาเก็บเกี่ยวผลผลิตก่อนจึงจะออกจากพื้นที่ ก็ยินดีที่จะอนุโลมให้เป็นกรณีพิเศษ เพราะเชื่อว่าการเก็บผลไม้จะแล้วเสร็จภายในเดือน ส.ค.นี้และหลังจากนั้น รัฐจะฟันต้นไม้ทิ้ง และดำเนินการตามกฎหมายทันที”

เสธ.หิ ยังเผยถึงการจัดการปัญหาการบุกรุกพื้นที่โครงการเขื่อนคีรีธาร ว่ายังคงเป็นประเด็นที่สังคมจับตา โดยเฉพาะความสมดุลระหว่างการบังคับใช้กฎหมายของภาครัฐ และสิทธิในการทำกินของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่มาอย่างยาวนาน ซึ่งการหาทางออกด้วยความยุติธรรมและยั่งยืน คือหัวใจสำคัญของบทสรุปในการดำเนินงาน