อุดรธานี-น้ำตาท่วมเมรุ! เผาแล้วศพเหยื่อตึก สตง.ถล่ม แม่ร้องไห้ส่งดวงวิญาณ กิตติพรหรือตั๋ง ต้นกันยา บอกชาติหน้ากลับมาเกิดเป็นแม่ลูกกันใหม่ มีชีวิตที่ยืนยาวกว่านี้ ด้านประกันสังคมมอบเงิน 1 ล้านกว่าบาท ช่วยเหลือเยียวยา
วันนี้ (2เม.ย.) ณ เมรุวัดไทรทอง บ.นาเหล่า ต.หนองกุงศรี อ.โนนสะอาด จ.อุดรธานี สถานที่ประกอบพิธีฌาปนกิจศพของนายกิตติพร ต้นกันยา หรือตั๋ง อายุ 32 ปี หนุ่มแรงงานช่างประปา เหยื่อตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม มีชาวบ้านเดินทางมาร่วมแสดงความเสียใจเป็นจำนวนมาก โดยพิธีฌาปนกิจมีนายชัชวาลย์ ทองชน นายอำเภอโนนสะอาด จ.อุดรธานี พร้อมหน่วยงานภาคราชการ เดินทางมาร่วมแสดงความเสียใจจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
โดยวันนี้ทางสำนักงานประกันสังคมจังหวัดอุดรธานียังได้มอบเงินจำนวน 1 ล้านกว่าบาทให้กับนางไกรสร ต้นกันยา แม่ของผู้เสียชีวิต ซึ่งเงินจำนวนนี้ทายาทหรือพ่อแม่จะได้รับสิทธิ์ประโยชน์ แบ่งเป็นค่าทำศพ 50,000 และ เงินทดแทนกรณีตาย 14,000 บาทต่อเดือน เป็นเวลา 10 ปี รวมเป็นเงิน 1,680,000 เงินบำเหน็จชราภาพ 628.81 บาท รวมทั้งหมด 1,730,628.81 บาท
จากนั้นผู้มาร่วมพิธีได้วางดอกไม้จันทน์เพื่อเป็นการไว้อาลัย โดยก่อนนำร่างไปประกอบพิธีฯ นายอรงกรณ์ หรือเต้ย น้องชายผู้เสียชีวิต กล่าวต่อหน้ารูปพี่ชายว่า อยากให้พี่ชายคนนี้ไปดี ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวน้องคนนี้จะดูแลแม่เอง
ซึ่งก่อนที่จะมีพิธีฌาปนกิจศพนั้น ชาวบ้านและทหารจิตอาสาได้ช่วยกันยกโลงวนรอบเมรุ 3 รอบ ก่อนทำพิธีเผา บรรยากาศช่วงนั้นเป็นไปด้วยความโศกเศร้า แม่และญาติของนายกิตติพร ต่างทำใจไม่ได้และร้องไห้โฮออกมาด้วยความเสียใจ โดยผู้เป็นแม่ได้ตะโกนบอกกับดวงวิญญาณลูกชายว่า “ตั๋งไม่ต้องเป็นห่วงแม่นะไปอยู่บนสรวงสวรรค์ เกิดไปเป็นเทวดาบุตรเทวดา ไม่ต้องห่วงแม่แม่อยู่ได้ หากเป็นไปได้ก็กลับมาเกิดเป็นลูกแม่ใหม่ มาเกิดแล้วอย่าได้มีอายุสั้นแบบนี้กลับมาเกิดกับแม่ใหม่นะลูก”จากนั้นแม่ของนายกิตติพรได้เดินเอามือไปลูบรูปของลูกชายตั้งอยู่หน้าเมรุและสะอื้นร้องไห้
นายอำนาจ ต้นกันยา พ่อของตั๋ง บอกว่า เรื่องทำใจตอนนี้ตนก็ยังทำใจไม่ได้ วันที่ได้ยินข่าวว่าลูกเสียชีวิตไปใหม่แทบจะผูกคอตายตามลูกแต่ตอนนี้คิดใหม่จะอยู่ต่อไปสู้ต่อไป เห็นรูปถ่ายของลูกทีไรน้ำตาก็ไหลออกมาทุกที แม้ลูกชายคนนี้จะจากไปแต่ตนยังมีลูกชายคนเล็กที่จะคอยเลี้ยงดูอีก อนาคตของเราก็ยังมีลูกและหลานคอยเป็นกำลังใจให้ เรื่องสิทธิประโยชน์ต่างๆที่ทางราชการจะมอบให้นั้นตนก็ไม่ได้ติดขัดอะไร และไม่ได้รู้สึกกังวล แล้วแต่ทางราชการจะจัดการให้ ส่วนกระดูกลูกนั้นจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งเก็บไว้กับตนและส่วนหนึ่งก็เอาไว้ที่วัดตามประเพณีความเชื่อ “หากดวงวิญญาณของลูกรับรู้เป็นไปได้ก็อยากจะบอกว่าพ่อขอตายแทน”
จากการสอบนายสุนันท์ เคนสี เพื่อนของลูกชายที่รอดชีวิตเล่าให้ตนเองฟังว่า ก่อนจะเกิดเหตุลูกชายทำงานอยู่บริเวณ ชั้น 5 และรู้สึกถึงแรงสั่นของแผ่นดินไหว โดยลูกชายได้วิ่งหนีลงมาจากตึกได้ทันแล้ว แต่ก่อนที่ตึกจะถล่มลงมาไม่นาน มีเพื่อนของลูกชายที่ทำงานอยู่ ด้านในตะโกนให้ลูกชายช่วย ด้วยความที่ลูกชายเป็นคนรักเพื่อนห่วงใยคนอื่นมาก คิดว่าตึกยังคงไม่ถล่มหรอกมั้ง ลูกชายจึงได้ตัดสินใจวิ่งเข้าไปในตึกเพื่อไปช่วยเพื่อน จนสุดท้ายลูกชายกลับต้องมาเสียชีวิตเพราะหนีออกมาไม่ทัน