บุรีรัมย์ - ชาวบ้าน ผู้สูงอายุ ผู้พิการ สมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนหนองสองห้อง หอบหลักฐานร้องทนายดังบุรีรัมย์ช่วย แฉถูกฉ้อโกงสารพัดรูปแบบ ทั้งปลอมเอกสารกู้เงินหลักล้านทั้งที่ไม่ได้กู้จริง บางรายแอบเอาเอกสารที่เคยกู้หลักแสนสวมรอยไปกู้กับสหกรณ์เครือข่ายยอดหลักล้านไม่จ่าย จนโดนฟ้องจ่อยึดบ้านที่ดิน ซ้ำเบี้ยวเงินฌาปนกิจศพ ขอถอนเงินที่ฝากออมไว้ไม่ได้ หลายคนเครียดล้มป่วย คาดความเสียหายกว่า 100 ล้าน เตรียมร้องดีเอสไอ และกองปราบฯ
วันนี้ (2 เม.ย. 68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้าน ผู้สูงอายุ และผู้พิการ ที่เป็นสมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน อำเภอหนองสองห้อง จังหวัดขอนแก่น ได้หอบเอกสารหลักฐานเข้าร้องเรียนต่อ นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋นบุรีรัมย์ ที่สำนักงานกฎหมายนิติศุภักษร ต.ดอนกอก อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ ให้ช่วยเหลือ โดยอ้างว่าได้ถูกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น ฉ้อโกงสารพัดรูปแบบ
ทั้งปลอมลายเซ็นสมาชิกที่เป็นคนชราไปกู้เงินสหกรณ์จังหวัดอื่นจนเป็นหนี้หลักล้านทั้งที่เจ้าตัวไม่ได้กู้จริง บางรายถูกเอาเอกสารและโฉนดบ้านที่ดิน ที่สมาชิกเคยทำเรื่องกู้กับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนหนองสองห้องยอดเพียงหลักแสน ไปสวมรอยกู้เงินกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนจังหวัดอื่นยอด 1.5 ล้าน ถึง 2 ล้านบาท แล้วไม่มีการชำระจนถูกฟ้องดำเนินคดี ล่าสุดมีหมายบังคับคดีจ่อยึดบ้านที่ดิน
สมาชิกบางรายกู้เงินจริงผ่อนชำระครบแล้ว แต่กลับไม่ได้โฉนดที่ดินคืนเนื่องจากมีการแอบนำโฉนดไปจำนองต่อ ทั้งยังมีพฤติกรรมเบี้ยวเงินฌาปนกิจศพสมาชิกที่เสียชีวิต และหลายรายขอถอนเงินที่ฝากออมไว้ไม่ได้ สร้างความเดือดร้อนเสียหายแก่สมาชิกเป็นอย่างมาก หลายคนเครียดถึงขั้นล้มป่วย คาดว่ามูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ที่ผ่านมาเคยร้องสหกรณ์จังหวัดขอนแก่นให้มาตรวจสอบและแจ้งความร้องทุกข์ แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้า จึงได้พากันนำหลักฐานมาร้องทนายอั๋นบุรีรัมย์ให้ช่วยเหลือ ค่าความเสียหายมากกว่า 100 ล้านบาท
หลังได้รับการร้องเรียน ทนายอั๋นบุรีรัมย์ก็ได้พาผู้เสียหายเดินทางไปที่สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนอำเภอหนองสองห้อง เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงกรณีที่สมาชิกมาร้องเรียน แต่กลับพบว่ามีการปิดล็อกประตู ไม่มีใครออกมาให้คำตอบ จากนั้นจึงได้เดินทางไปแจ้งความ
น.ส.กรกนก คำชัย อายุ 30 ปี เล่าว่า ปู่กับย่าเป็นสมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนหลายปีแล้ว ก็ฝากออมเงินตามปกติ จู่ๆ เมื่อปีที่ผ่านมาเมื่อนำสมุดไปปรับกลับพบว่าปู่กับย่ามีหนี้คนละ 1.5 ล้านบาท รวม 2 คนเป็นหนี้ 3 ล้านบาท ก็ตกใจมากทั้งที่ไม่เคยกู้เงินกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนดังกล่าวเลย จึงเชื่อว่าถูกเจ้าหน้าที่ปลอมลายเซ็นเอกสารของปู่กับย่าไปกู้เงิน เมื่อไปสอบถามทางสหกรณ์ฯ กลับหลอกให้เซ็นเอกสารไกล่เกลี่ย ตอนนี้ทุกคนในบ้านเครียดมากไปแจ้งความก็ไม่คืบหน้า จึงได้มาร้องทนายอั๋น ให้ช่วยเหลือเอาผิดคนที่เกี่ยวข้อง และคนที่ปลอมลายเซ็นกู้เงินก็ต้องรับผิดชอบหนี้ดังกล่าวเองทั้งหมด
นางทองย้อม เทียมทนง อายุ 66 ปี บอกว่า เมื่อปี 2566 ได้กู้เงิน 340,000 บาทมาหมุนเวียนใช้จ่ายในครอบครัว จากนั้นทางสหกรณ์ฯ ก็หลอกว่า 5 ปีแรกไม่ต้องทำอะไรให้พักหนี้ก่อน จึงไม่ได้ไปติดต่อเพราะเชื่อใจ กระทั่งต่อมาก็ถูกฟ้องเพราะไม่ชำระหนี้ และเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาก็ได้รับหมายบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดบ้านที่ดินของตนเอง ก็ตกใจมากไม่รู้จะทำยังไง จึงได้มาร้องให้ทนายอั๋นช่วยเหลือ เพราะกลัวจะถูกยึดบ้านที่ดินไม่มีที่อยู่อาศัย
ด้านทนายอั๋นกล่าวว่า กรณีที่ชาวบ้าน อ.หนองสองห้อง มาร้องเรียนให้ช่วยเหลือในครั้งนี้ เท่าที่ดูหลักฐานและข้อมูลจากสมาชิกที่ได้รับความเสียหาย พบว่ามีแผนประทุษกรรมหลายรูปแบบ ทั้งปลอมลายเซ็นและเอกสารหลักฐานไปกู้เงินทั้งที่สมาชิกไม่ได้กู้จริง บางรายกู้เพียงหลักแสนแต่กลับถูกปลอมเอกสารไปกู้เงินที่สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนจังหวัดอื่นทำให้สมาชิกฯ เป็นหนี้ 1.5 ล้านถึง 2 ล้านบาท ทั้งมีการนำโฉนดไปจำนองต่อ บางคนถึงขั้นโดนฟ้องยึดบ้านที่ดิน สร้างความเดือดร้อนให้กับสมาชิก
หลังได้รับร้องเรียนก็จะได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง ทั้งนี้จะได้รวบรวมผู้เสียหายไปร้องดีเอสไอ และกองปราบฯ เพื่อรับเป็นคดีพิเศษ เพราะมีผู้เสียหายจำนวนมาก