ราชบุรี - เปิดใจ “พี่ไก่” นักธุรกิจสาวออนไลน์ ทุ่มเงินกว่า6 ล้านบาทเพื่อโคลนนิ่งสุนัขแสนรักเวอร์ชั่นที่ 2 "น้องพะแพง" สายพันธุ์เฟรนช์บูลด็อกตัวแรกของประเทศ ส่วนน้องพะแพงเวอร์ชั่น 1 เก็บร่างแช่เย็นไว้อย่างดีรอวันถึงเวลาสมควร จะฝังร่างไว้ที่บ้านหลังนี้
จากกรณีที่นักธุรกิจสาวออนไลน์ ทุ่มเงิน โคลนนิ่งสุนัขแสนรักเวอร์ชั่นที่2 "พะแพง" ซึ่งกำลังโด่งดังเป็นกระแสในโซเซียลในขณะนี้ ยอมทุ่มเงินกว่า 6 ล้านบาท โคลนนิ่งสุนัขที่ตนเองรักและผูกพันเสมือนลูกสาว ได้ตายลงด้วยภาวะคุชชิ่ง (Canine Cushing’s syndrome) โดยเป็นความผิดปกติของระบบต่อมไร้ท่อที่มักเกิดขึ้นในสุนัข กลับมามีชีวิตเพื่ออยู่เคียงข้างกันอีกครั้ง
น.ส.กัญจน์รัตน์ หรือ พี่ไก่ อายุ 50 ปี นักธุรกิจออนไลน์ และออฟไลน์ ผู้ผลิตสินค้า เจ้าของแบรน์ดังหลายชนิด เป็นชาว อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ทุ่มเงินกว่า 6 ล้านบาทโคลนนิ่งสุนัขแสนรักที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมายาวนาน กว่า 9 ปี ที่จากไป ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง โดยลูกสุนัขสายพันธุ์เฟรนช์บูลด็อก เพศเมีย อายุ 5 เดือน ชื่อ "พะแพง" มีลักษณะสมบูรณ์ นิสัยขี้เล่น ร่าเริง จดจำสิ่งต่างๆได้แม่นยำ เหมือนต้นแบบซึ่งเป็นพะแพงเวอร์ชั่นที่ 2 สุนัขโคลนนิ่งที่ผ่านการตัดต่อพันธุกรรมตัวแรกของประเทศไทย ด้วยความรักและผูกพันเหมือนดังญาติสนิทที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาอย่างยาวนาน
น.ส.กัญจน์รัตน์ หรือ พี่ไก่ เปิดเผยว่า ตนเองเป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งเรียนจบปริญญาตรี หลังจากจบมาก็ทำ ธุรกิจหลายอย่างธุรกิจขนส่งทั้งออฟไลน์ ออนไลน์รับผลิตสินค้าเกี่ยวกับอาหาร ,กาแฟ และเป็นเจ้าของแบรนด์ที่ดังมากๆคือ น้ำปลาร้ารัญจวน โดยในหมวดของรับประทานก็จะใช้แบรนด์รัญจวน และอาหารสุนัข v care u กาแฟ mydeli ซึ่งหลักๆก็จะประมาณนี้
จริงๆแล้วเป็นคนรักสัตว์ เลี้ยงสุนัขมาตั้งแต่อายุประมาณ 10 กว่า มาอย่างต่อเนื่อง ยิ่งนานวันยิ่งผูกพันไม่สามารถตอบได้ว่าทำไมถึงเลี้ยง เป็นคนที่เห็นแล้วสงสารทั้งแมว ทั้งหมา หรือสัตว์ต่างๆ แม้กระทั่งต้นไม้ แต่จะคลุกคลีมากที่จะผูกพันมากก็คือน้องหมาน้องแมวตอนนี้อยู่ในความดูแลทั้งหมดอยู่บ้านหลังเดียวกันบางวันก็นอนด้วยกันตื่นมาก็ต้องเจอกัน ปัจจุบันมีน้องหมา 17 ตัว อยู่ในบ้านเดียวกัน
สำหรับ น้องพะแพงเป็นตัวที่ 3 จาก 17 ตัว พะแพงตอนที่เขาเสียประมาณ 9 ขวบในเวอร์ชั่นเดิม ส่วนเวอร์ชั่นปัจจุบันอายุ 5 เดือนไปรับเขาเมื่ออายุประมาณ 4 เดือนจากที่ไปทำโคลนนิ่ง และเลี้ยงมาได้ 1 เดือน จริงๆแล้วความคิดที่จะทำโคลนนิ่ง เป็นแนวคิดก่อนหน้าที่เขาจะเสีย คิดเมื่อตอนพะแพงอายุได้ 2-3 ขวบด้วยความรักสุนัขตัวนี้
เนื่องจากอยู่กันทุกวันในทุกเวลา ช่วงที่ทำงานหนักมากๆจะมีเขาที่อยู่เป็นเพื่อนบางครั้งเที่ยงคืน ตี 1 เขาก็จะมานอนพร้อมเรา อยู่ด้วยกันตลอดเวลาคิดว่าวันหนึ่งวันใดที่ต้องหายจากกันไป เราจะทำอย่างไร พอดีไปพบ contact Facebook คุณหมอ เขาสามารถทำเรื่องนี้ได้ก็เลยเก็บ contact นี้ไว้เลย แล้วก็ภาวนาว่าเมื่อวันนั้นมาถึงให้เราพร้อมที่จะทำ ซึ่งก็หลายปีก่อนหน้าที่เขาจะเสียจริงๆ เมื่อเวลานั้นมาถึงจึงได้ ติดต่อไปที่ น.สพ.ศุภเสกข์ ศรจิตติ ผู้เชี่ยวชาญด้านสเต็มเซลล์ ซึ่งเป็นสัตวแพทย์ที่สามารถโคลนนิ่งสุนัขได้ ที่ได้เก็บ contact ไว้
หลังจากได้รับคำตอบ น.สพ.ศุภเสกข์ จึงได้เก็บเซลล์ที่บริเวณหลังใบหูจากร่างของพะแพง ก่อนนำส่งไปยังประเทศเกาหลีใต้ เพื่อให้ ศ.ดร.ฮวาง วู ซุก ผู้เชี่ยวชาญด้านการโคลนนิ่งเพาะเลี้ยงเซลล์ให้กลับมามีชีวิต และขยายจำนวนให้มากพอ ในระหว่างที่ทำโคลนนิ่งพบปัญหาลูกสุนัขหลังคลอดไม่สามารถหายใจได้เองและตายลง จึงต้องใช้เทคนิคการตัดต่อพันธุกรรม ซึ่งในขั้นตอนนี้ค่อนข้างยุ่งยากและต้องใช้เวลานาน โดยสามารถทำโคลนนิ่งได้สำเร็จในครั้งที่ 5 รวมเวลานานกว่า 1 ปี ซึ่งถือเป็นสุนัขโคลนนิ่งที่ผ่านการตัดต่อพันธุกรรมตัวแรกของประเทศไทย พะแพงต้นแบบ และ พะแพงโคลนนิ่ง จะมีลวดลายแตกต่างกันที่เพียงใบหูข้างซ้ายเท่านั้น
พี่ไก่ ยังบอกอีกว่า สำหรับสาเหตุที่ออกมาเปิดเผยรายละเอียดทั้งหมด เพื่อต้องการให้คนที่รักสุนัข แมว และ คนที่ไม่ได้รักเปิดใจให้อยู่ในสังคมเดียวกันได้ วิวัฒนาการต่างๆมันไปได้ไกลมากแล้ว ซึ่งเป็นทางเลือกอีกทางเลือกหนึ่ง อยากให้คนรักสัตว์ทุกคนให้รักจริงๆ อย่าเลี้ยงเป็นแฟชั่นเพราะว่าความรักทุกอย่างมันตามมาด้วยภาระ และความรับผิดชอบจะเป็นภาระในรูปแบบของคนกับคน หรือคนกับสัตว์หรือต้นไม้จะขอให้รักจริงๆให้ดูแลกันเต็มความสามารถแล้ว ก็อยากให้คนที่ไม่ได้รัก เปิดใจยอมรับกลุ่มของคนรักสัตว์ ส่วนคนที่รักสัตว์ก็ต้องยกระดับตัวเองให้สังคมมองเราว่าเป็นส่วนที่สร้างสรรค์สังคมและไม่ให้เกิดภาระกับส่วนรวม นี่คือสิ่งที่อยากจะบอกกับทุกคน