ศูนย์ข่าวศรีราชา - เลขาธิการ EEC เผยข่าวดีความคืบหน้า 3 โครงการระบบโลจิสติกส์ รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน และท่าเรือ แย้มพื้นที่ห้วยใหญ่ เส้น 331 ยังเป็นที่ตั้งเมืองใหม่ EEC
ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการ คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เผยถึงความคืบหน้าโครงการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ในพื้นที่ EEC ไม่ว่าจะเป็นรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง - สุวรรณภูมิ – อู่ตะเภา ซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 9 สถานี ผ่าน 5 จังหวัด ระยะทาง 220 กิโลเมตร ด้วยความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้ระยะเวลาเดินทาง 60 นาที ว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการแก้ไขปัญหาโครงการฯ จากผลกระทบการระบาดของโรคโควิด-19 และสงครามรัสเซีย-ยูเครน
ทั้งนี้ รฟท.ได้ส่งมอบพื้นที่ เพื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมก่อสร้าง อีกทั้งเอกชนคู่สัญญาอยู่ระหว่างการยื่นขอรับบัตรส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2572
ส่วนโครงการท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ที่เพิ่มขีดความ สามารถในการรองรับตู้สินค้าเป็น 18 ล้าน TEU ต่อปี เพิ่มขีดความสามารถในการรองรับรถยนต์ จำนวน 3 ล้านคันต่อปี เชื่อมต่อรถไฟความเร็วสูง ก้าวสู่การเป็นท่าเรือสีเขียว (Green Port) ปัจจุบัน งานโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) อยู่ระหว่างการก่อสร้าง งานเขื่อนกันทรายงานขุดลอกและกมทะเล งานก่อสร้างอาคาร ท่าเทียบเรือชายฝั่ง ระบบถนน และระบบสาธารณูปโภค
โดยมีความก้าวหน้าในภาพรวมของโครงการฯ คิด เป็นร้อยละ 41.35 ซึ่งโครงสร้างท่าเทียบเรือ (Superstructure) อยู่ระหว่างการขอต่อในอนุญาตให้ปลูกสร้างสิ่งล่วงล้ำลำแม่น้ำของโครงการ ทั้งนี้คาดเปิดให้บริการ 2570
ขณะที่ความคืบหน้าการพัฒนาสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา เพื่อเพิ่มความสามารถในการรองรับผู้โดยสาร 60 ล้านคนต่อปี และการขยายพื้นที่อาคารผู้โดยสาร อาคารศูนย์ขนส่งสินค้าทางอากาศ ศูนย์ซ่อมบำรุง (MRO) เขตปลอดอากร (Free Trade Zone) และเป็นเมืองการบินภาคตะวันออก ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ ทางวิ่งที่ 2 และทางขับ สาธารณูปโภค (ไฟฟ้าและน้ำเย็น น้ำประปาและบำบัดน้ำเสีย เชื้อเพลิงอากาศยาน)
รวมทั้งหอบังคับการบินแห่งใหม่ อุตุนิยมวิทยาการบิน และบูรณาการการก่อสร้างให้บริการให้สอดคล้องกับโครงการรถไฟความเร็วสูงฯ คาดว่าปี 2571 จะเปิดให้บริการ
เช่นเดียวกับความคืบหน้าการพัฒนาพื้นที่ห้วยใหญ่ เส้น 331 เพื่อให้เป็นเมืองศูนย์กลางใหม่ EEC นั้นจากแผนการพัฒนาเมืองในรายละเอียดล่าสุด มีการเตรียมจัดตั้ง บริษัท พัฒนาเมือง จำกัด ในลักษณะ EEC Holding เพื่อร่วมบริหารจัดการและพัฒนา EEC Capital City ที่จะดึงผู้อาศัยเดิม เข้ามามีส่วนร่วมในรูปแบบ ผู้ถือหุ้น เพื่อได้รับผลประโยชน์ของการพัฒนาพื้นที่ในระยะยาว
โดยแผนงานของโครงการ ฯ ที่จะเริ่มในช่วงปลายปี 2568 คือการก่อสร้างโครงข่ายถนนทั้งภายนอก และเชื่อมต่อภายในโครงการ เพื่อเตรียมความพร้อมให้เอกชนเข้าลงทุนพัฒนาพื้นที่ธุรกิจเป้าหมายในโครงการจะเกิดขึ้นในช่วง และปี 2569 จะสามารถเริ่มเข้าปรับพื้นที่ก่อสร้าง
นอกจากนี้ในปี 2572 ยังจะสามารถเปิดดำเนินการในช่วงแรก คู่ขนานกันไปกับการพัฒนา ศูนย์กีฬาแห่งชาติภาคตะวันออก ของการกีฬาแห่งประเทศไทย ที่อาจจะก่อสร้างสนามกีฬาแห่งใหม่ ขนาด 80,000 ที่นั่งในพื้นที่เมืองใหม่ สำหรับพื้นที่ทั้งหมด 15,000 ไร่ ซึ่งในระยะแรกใช้พื้นที่ 5,795 ไร่ โดยใช้พื้นที่ สปก. โดยมีการจ่ายค่าทดแทนให้กับประชาชนในพื้นที่ แบ่งการจัดการพื้นที่ สีเขียว 30% และพื้นที่พัฒนา 70%
และยังจะมีการจัดวางโซนพื้นที่พัฒนาเมือง ได้แก่ศูนย์สำนักงานภูมิภาค และศูนย์ราชการ EEC, ศูนย์กลางการเงิน EEC, ศูนย์การแพทย์แม่นยำ และการแพทย์อนาคต, ศูนย์การศึกษา วิจัยและพัฒนา นานาชาติ, ศูนย์ธุรกิจอนาคต และที่พักอาศัยสำหรับคนทุกกลุ่ม เป็นต้น ทั้งนี้จังหวัดชลบุรีถือเป็นจังหวัดที่ได้รับอานิสงส์จากพื้นที่ EEC มากที่สุด
อนึ่ง ในปี พ.ศ. 2560 รัฐบาลไทย ได้ริเริ่มโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ขึ้นเพื่อให้เป็นโครงการต้นแบบของการพัฒนาเชิงพื้นที่ โดยมีวัตถุประสงค์ในการต่อยอดการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออกซึ่งเป็นที่รู้จักกว่า 30 ปีว่า "อีสเทิร์นซีบอร์ด" ครอบคลุมการพัฒนาพื้นที่ใน 3 จังหวัดคือ ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา
โดยมีมีเป้าหมาย 1. พัฒนากิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 2. จัดให้มีบริการภาครัฐแบบเบ็ดเสร็จครบวงจร 3.จัดทำโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคที่มีประสิทธิภาพ 4.กำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเหมาะสม และ5.พัฒนาเมืองให้ทันสมัยเหมาะกับการอยู่อาศัยและประกอบกิจการ
และมี 5 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษในการดึงนักลงทุน ประกอบด้วย 1.การแพทย์และสุขภาพ 2.ดิจิทัล 3.ยานยนต์สมัยใหม่ 4.เศรษฐกิจสีเขียวและเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ BCG และ 5.บริการ
