ศูนย์ข่าวศรีราชา - เมืองพัทยา ลุยทวงคืนพื้นที่สาธารณะหลายจุดหลังถูกบุกรุกทำกินมานาน ส่วนพื้นที่ 11 ไร่บ้านสุขาวดี ยังรอผลการพิจารณาอุทธรณ์ในชั้นศาล คาดอีกไม่นานจะได้กลับคืน
วันนี้ (26 มี.ค.) นายมาโนช หนองใหญ่ รองนายกเมืองพัทยา ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าการทวงคืนพื้นที่สาธารณะซึ่งถูกบุกรุกในเขตเมืองพัทยาว่า หลัง เมืองพัทยา มีนโยบายหลักในการนำพื้นที่สาธารณะกลับคืนให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันให้มากที่สุด ทำให้ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่เมืองพัทยา ได้ลงพื้นที่ สำรวจการบุกรุกในหลายพื้นที่ อาทิ ปากทางวัดธรรมสามัคคี ที่พบว่ามีการบุกรุกพื้นที่สาธารณะ 2 แปลง โดยแปลงแรกมีขนาดลึก 25.30 เมตร กว้าง 15.35 เมตร
ส่วนแปลงที่ 2 มีขนาดพื้นที่ความลึก 16.50 เมตร กว้าง 7 เมตร ซึ่งเมืองพัทยา ได้ยืดคืนมาแล้ว และฝั่งหนึ่งมีการจัดสร้างเป็นสถานีย่อยหน่วยดับเพลิงเมืองพัทยา ขณะที่อีกฝั่งถนน จัดทำเป็นที่ทำการชุมชนวัดธรรมสามัคคี
นอกจากนี้ยังมีพื้นที่บริเวณด้านข้างของวัดกระทิงทอง ริมชายหาดจอมเทียน ที่ เมืองพัทยา ได้ยืดคืนมาแล้วเช่นกันและได้ดำเนินการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กความยาว 453 เมตร ความกว้างถนน 4-5.50 เมตร พร้อมวางท่อระบายน้ำ วางแนวท่อแบบ HDPE ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.50 เมตร รวมทั้งยังได้ผลักดันผู้บุกรุกที่สาธารณะประโยชน์ออกไป หลังมีการยืดครอง ทำกินมานานกว่า 10 ปี
นายมาโนช ยังเผยอีกว่าจากการลุยตรวจสอบพื้นที่ของ เมืองพัทยา ยังพบว่า มีพื้นที่สาธารณะบริเวณซอยนาเกลือ 12 และนาเกลือ 14 ซึ่งมีลักษณะเป็นแนวเขตทางสาธารณะ ขนาดความกว้างกว่า 7-8 เมตร ระยะความยาวตลอดแนวกว่า 250 เมตร ที่ตัดเชื่อมระหว่างซอยนาเกลือ 12 ตัดทะลุซอยนาเกลือ 14 มีชาวบ้านเข้ามาปลูกสร้างอาคาร ห้องเช่า และที่พักรุกล้ำแนวเขตทางสาธารณะ จำนวน 25 ราย
และล่าสุด เมืองพัทยา ได้ยืดคืนพื้นที่คืนมาทั้งหมดแล้ว และจากนี้ไปจะดำเนินโครงการวางแนวท่อระบายน้ำ ก่อสร้างเป็นถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก ส่วนพื้นที่สาธารณะบริเวณซอยโพธิสาร 6 ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของการขับไล่ผู้บุกรุกที่ยังเหลืออีกเพียง 3 ราย และผู้บุกรุกรับปากว่าหาที่อยู่ใหม่ได้แล้วและจะทำการย้ายออกไปในเร็ววันนี้
“ อีกหนึ่งประเด็นที่เกิดขึ้นอย่างยาวก็คือ เรื่องที่ดิน 11 ไร่ บริเวณบ้านสุขาวดี ที่เมืองพัทยา อยู่ในขั้นตอนทวงคืน หลังจากเจ้าของบ้านสุขาวดีที่ครอบครองอยู่ก็ได้ขอรังวัดออกโฉนดที่ดิน แต่พื้นที่บริเวณนั้นไม่สามารถออกโฉนดเนื่องจากเป็นพื้นที่สาธารณะ แต่เจ้าของที่ดินก็ยังอุธทรณ์อยู่ แต่คาดว่าคงใช้เวลาอีกไม่นาน เมืองพัทยา จะได้ที่ดินทั้ง 11 ไร่กลับคืนมาใช้ประโยชน์อย่างแน่นอน” รองนายกเมืองพัทยา กล่าว