xs
xsm
sm
md
lg

พฤติกรรม​สุดเถื่อน!! ตม. เมากร่างบุกบ้านแฟนสาวทำร้าย ตร..ตู้ยามสัตหีบเจ็บสาหัสเลือดคั่งในสมอง-ชิงปืนคู่กายหลบหนี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าว​ศรี​ราชา​- พฤติกรรม​สุดเถื่อน!! ตำรวจ ตม.เมากร่างบุกบ้านอดีตแฟนสาวทำลายทรัพย์สิน  ตำรวจตู้ยามเตาถ่านสัตหีบ เข้าระงับเหตุกลับเจอดูถูกเป็นแค่อาสาก่อนตรงเข้าทำร้ายร่างกายจนฟันหน้าหัก เลือดคั่งในสมอง ชิงอาวุธปืนหลบหนี หลังได้สติขอมอบตัว เจอหลายข้อหาหนัก

เมื่อเวลา 03.00 น. วันนี้ ( 25 มี.ค.)​ พ.ต.อ.คมสรร คำตุ่นแก้ว ผกก.สภ.สัตหีบ พร้อมด้วย พ.ต.ท.เกรียงไกร มีแสง รอง ผกก.สส., พ.ต.ท.อภิชาติ นามจันโท สว.สส., พ.ต.ท.สินสมุทร บุญทัศนา สารวัตรสอบสวน และกำลังตำรวจชุดสืบสวนรวมทั้งสายตรวจกว่า 10 นาย ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุทำร้ายร่างกายตำรวจจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ภายในบ้านเลขที่ 105/51 ชุมชนวัดเขาคันธมาทน์ ม. 9 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

โดยที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียวรั้วรอบขอบชิด บริเวณกระจกประตูหน้าบ้านแตกกระจาย กล้องวงจรปิดเหนือประตูถูกทำลาย ภายในบ้านพบ น.ส.อนงค์ลักษณ์ อายุ 28 ปีเจ้าของบ้านที่ยังอยู่ในอาการตกใจ ส่วนบริเวณลานจอดรถมีร่องรอยการต่อสู้ และยังมีโทรศัพท์มือถือรวมทั้งเศษสร้อยทองรูปพรรณ ตกอยู่ พนักงานสอบสวนจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

ทราบชื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกทำร้ายคือ ร.ต.ต.พาสกร พาชูระเบียบนา หัวหน้าตู้ยามเตาถ่าน โดยถูกชกต่อยที่ใบหน้าและถูกจับศีรษะโขกพื้น จนมีอาการเลือดคั่งในสมอง ฟันหน้าบนหักหนึ่งซี่ นอกจากนั้นอาวุธปืนพกสั้นประจำกาย GLOCK 19 ยังถูกผู้ก่อเหตุชิงไปด้วยก่อนหลบหนี

ส่วนผู้ก่อเหตุทราบคือ ด.ต.กิตติศักดิ์ เดชชู หรือบอย อายุ 37 ปี สังกัดตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ช่วยราชการสืบ ตม.3 ซึ่งเป็นอดีตแฟนของเจ้าของบ้านที่ก่อเหตุได้ขับรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้าอัลติส สีบรอนซ์เทา หมายเลขทะเบียน 8กพ 3987 กทม. หลบหนีไปพร้อมหญิงสาวคนสนิทรายใหม่


หลังเกิดเหตุ ผกก.สภ.สัตหีบ ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนออกติดตามไล่ล่ากระทั่งเมื่อเวลา 06.00น.ที่ผ่านมา ผู้ก่อเหตุได้เดินทางเข้ามอบตัวที่โรงพัก สภ.สัตหีบ พร้อมนำของกลางปืนพก GLOCK 19 ที่ชิงไปมาส่งมอบคืน แต่ยังไม่ให้การแต่ถึงสาเหตุการก่อเหตุทำร้ายร่างกายด้วยกัน

 เบื้องต้น พนักงานสอบสวนได้ตั้งข้อหา บุกรุกเคหะสถานยามวิกาลทำให้เสียทรัพย์ และทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน ส่วนอาวุธปืนที่ชิงไปและได้นำมาคืน ผู้ก่อเหตุ​อ้างว่าเพื่อใช้ป้องกันตัว ตำรวจจึงไม่เอาผิดในข้อหาชิงปืนตำรวจ

สอบถาม น.ส.อนงค์ลักษณ์  เจ้าของบ้านทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็นแฟนเก่าที่เลิกรากันได้เกือบปีแล้ว และเมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมาได้ขับรถมาหาตนเองที่บ้านแต่ตนเองไปทำงานจึงทำให้ไม่เจอกัน กระทั่งเวลา 02.00 น.ผู้ก่อเหตุได้ขับรถกลับมาหาที่บ้านอีกครั้งโดยมีหญิงสาวนั่งมาด้วยแต่ได้จอดรถห่างจากบ้านประมาณ 20 เมตร 

"แต่อดีตแฟนมีอาการมึนเมาและพยายามจะเข้ามาในบ้านให้ได้ สุดท้ายก็พังประตูจนกระจกแตก เราเองจึงทำได้แค่หลบอยู่ในห้องเพราะไม่กล้าออกมาและโทรศัพท์​แจ้งตำรวจให้มาช่วยเหลือ ซึ่งชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์​ก็ช่วยกันแจ้ง ไม่นานตำรวจหัวหน้าตู้ยามได้ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดหน้าบ้านเพื่อมาเจราช่วยเหลือ ก่อนจะมีปากเสียงกับอดีตแฟน ที่กล่าวหาว่าตำรวจคนดังกล่าวเป็นเพียงตำรวจอาสา จึงไม่มีสิทธิอะไร ซ้ำยังทำลายกล้องวงจรปิดก่อนจะเข้าไปทำร้ายร่างกายชกต่อยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้ามาระงับเหตุจนบาดเจ็บและหลบหนีไป ยืนยันว่าจะเอาเรื่องตามกฏหมายอย่างถึงที่สุด" น.ส.อนงค์ลักษณ์ กล่าว


ด้านเพื่อนบ้านที่เห็นเหตุการณ์​เล่ว่า ขณะเกิดเหตุได้ยินเสียงดังโครมครามไปทั่วหมู่บ้านเมื่อออกมาดูก็พบผู้ก่อเหตุกำลังอาละวาดทุบประตูบ้าน จึงรีบโทรศัพท์​แจ้งตำรวจ เมื่อตำรวจถึงก็ถูกทำร้ายจนต้องร้องขอชีวิต และร้อง“ช่วยด้วย ช่วยด้วย” ซึ่งขณะนั้นตนเองรู้สึกสงสารเจ้าหน้าที่ตำรวจ​รายดังกล่าวเป็นอย่างมาก แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วย เพราะกลัวอันตรายจากอาวุธปืน






กำลังโหลดความคิดเห็น