พระนครศรีอยุธยา - ผบช.ภาค 1 ลงพื้นที่ติดตามคดี โจรบุกเดียวชิงทอง 160 บาท มูลค่า 7.8 ล้าน เผยคนร้ายเตรียมตัวมาดีไม่ทิ้งหลักฐาน สั่งชุดสืบสวนตามทุกมิติ 4 – 5 วัน รู้ผล
จากกรณีคนร้าย เป็นชาย สูงประมาณ 170 ซม. ใส่หมวกสีเขียวแบบมีผ้ากันแดดปิดบังใบหน้า เสื้อแจ็คเก็ตสีดำ กางเกงขายาวสีเทา รองเท้าผ้าใบสีดำ ในมือถือขวาถือถุงผ้าสีขาว เดินเข้าจากประตูของห้างเทสโก้โลตัส สาขาบางปะอิน ริมถนนสายเอเชีย ขาออก ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 2 ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา แล้วตรงไปที่ที่ร้านทอง ห้างทองเยาวราชเอเชีย ทำท่าชักอาวุธปืนจากเอวโผล่มาให้พนักงานของร้านทองเห็นแล้วข่มขู่ให้หยิบทองรูปพรรณที่โชว์อยู่ในตู้ เป็นสร้อยคอน้ำหนัก 20 บาท 3 เส้น สร้อยคอน้ำหนัก 15 บาท 2 เส้น สร้อยคอหนัก 10 บาท 7 เส้น น้ำหนักรวมประมาณ 160 บาท คิดเป็นเงินประมาณ 7.8 ล้านบาท ใส่ถุงผ้าเตรียมมา จากนั้นคนร้ายเดินออกจากห้างหลบหนีไปอย่างใจเย็น โดยใช้เวลาไม่ถึง 1 นาที เหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นวันที่ 23 มีนาคม ที่ผ่าน มาตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ห้างทองเยาวราชเอเชีย ภายในห้างเทสโก้โลตัสสาขาบางปะอิน ต. เชียงรากน้อย อ. บางปะอิน ยังเปิดให้บริการตามปกติ โดยพบว่ามีการตั้งโต๊ะบริเวณด้านหน้าร้านพร้อมกับป้ายเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตั้งเอาไว้
ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปสอบถามพูดคุยกับพนักงานร้าน บอกว่า วันเกิดเหตุคนร้ายพอเข้ามาที่ร้านทอง ทำท่าทางชักอาวุธปืน พร้อมกับพูดข่มขู่ว่าให้หยิบทองออกมาพนักงานจึงจะหยิบทองเส้นละ 1 บาทและ 5 บาทแต่คนร้ายบอกว่ากูไม่เอากูจะเอาเส้นใหญ่ไม่งั้นกูยิง พนักงานของร้านจึงไปหยิบแผงทองที่อยู่ในตู้โชว์ ซึ่งเป็นเส้น 20 บาท เส้น 15 บาท และ 10 บาทให้คนร้ายไป
เจ้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ได้มีการมาลงพื้นที่ตรวจสอบหาพยานหลักฐานบริเวณลานจอดรถของห้าง และกระจายกำลัง ตรวจหาพยานหลักฐานและกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมตามเส้นทางอย่างละเอียด
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมอีกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน มีการวิเคราะห์พฤติกรรมของคนร้าย พบว่าคนร้ายมีการวางแผนมาอย่างดีทั้งชุดและเสื้อผ้าที่สวมใส่ ปกปิดยี่ห้อ รวมถึงไม่มีการใช้ยานพาหนะ เพื่อให้อยากต่อการติดตาม ทันทีที่เข้ามาในที่เกิดเหตุและเมื่อหลังเกิดเหตุคนร้ายหลบหนีออกไป โดยว่าจ้างวินรถจักรยานยนต์รับจ้างที่อยู่บริเวณด้านนอกของห้างโดยว่าจ้างให้ไปส่งจุดพักรถ ซึ่งห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 2 กิโลเมตร แต่ไปส่งไม่ถึงให้ส่งระหว่างทางซึ่งเป็นจุดอับที่ไม่มีกล้อง วงจรปิด คนร้ายว่าจ้าง จยย.รับจ้างให้ไปส่งในราคา 30 บาท ให้แบงค์ 50 บาท คนร้ายใจเย็นรอรับเงินทอน 20 บาท
สอบถามคนขับแท๊กซี่ บริเวณศาลาที่ผู้โดยสารหน้าห้างสรรพสินค้า เล่าให้ฟังว่าช่วงเย็นขณะที่ตนเองจอดรถ รอรับผู้โดยสารอยู่เพราะเห็นชายคนที่ปรากฏตามในข่าวเดินผ่านไปแล้วเหลียวมองที่กระจกรถของตนเอง เหมือนกับการตรวจสอบว่าแต่งตัวรัดกุมดีแล้วหรือยัง จากนั้นได้เดินตรงเข้าไปภายในห้างลักษณะการแต่งกายที่เห็นแต่งกายรัดกุมใส่หมวกที่มีที่กันแดดปิดบังใบหน้าเหมือนกับคนที่หาปลา
ต่อมาเมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 24 มีนาคม ที่ สภ.พระอินทร์ราชา อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.โชคชัย งามวง์ รอง.ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.พล.ต.นฤนาท พุทไธสง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.พีรพัสส์ ชูช่วย ผกก.กก.สส.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.ชนันท์ เปรมปลื้มจิตต์ ผกก.สภ.พระอินทร์ราชา พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ร่วมกันประชุม ติดตามความคืบหน้าสรุปคดีที่คนร้ายใช้ปืนก่อเหตุชิงทองรูปพรรณหนัก 160 บาท มูลค่า 7.8 ล้านบาท ภายหลังการประชุมนานกว่า 1 ชม
พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ.1 เปิดเผยว่า คนร้ายเตรียมตัวมาอย่างดีทั้งเสื้อผ้ารองเท้า ที่แต่งกายรัดกุมมาก ขณะก่อเหตุคนร้ายเดินเข้าไปในห้าง ไม่มีใครสังเกตหรือสงสัย จนคนร้าย เข้าไปถึงร้านทอง ตรงไป ที่ตู้โชว์ทองรูปพรรณ ที่มีน้ำหนัก ตั้งแต่ 10 บาท จนถึง 20 บาท คนร้ายได้น้ำทองไปจำนวนไม่มากแต่มีน้ำของทองมาก คนร้ายเดินเท้าเข้ามาที่ห้างไม่ใช้ยานพาหนะ หลังก่อเหตุเดินเท้าออกไป ว่าจ้างรถจักรยานยนต์รับจ้าง ให้ไปส่งกลางทางถนนสายเอเชีย ห่างจากที่เกิดเหตุเล็กน้อย ทำให้เรายังไม่มีข้อมูลยานพาหนะที่หลบหนี
เท่าที่วิเคราะห์ขณะนี้เส้นทางถนนสายเอเซีย และถนนชุมชนหมู่บ้าน เส้นทางไม่ซับซ้อนเชื่อมโยงไม่มาก ขณะนี้กำชับให้ฝ่ายสืบสวน ไปติดตามหาพยานหลักฐาน เพิ่มเติมให้มากที่สุด ส่วนอาวุธปืนของคนร้ายยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นอาวุธปืนจริงหรืออาวุธปืนปลอม เพราะพยานยังเห็นไม่ชัดเจน มั่นใจว่าช่วง 4-5 วันน่าจะสามารถจับกุมคนร้ายได้
พร้อมฝากถึงพี่น้องประชาชนที่พบเห็นรูปพรรณสันฐานของคนร้าย ที่เห็นคนร้ายในวันเกิดเหตุ ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แจ้งเบาะแสกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ เชื่อว่าขณะนี้ทองรูปพรรณที่คนร้ายได้ไปยังไม่ได้มีการนำไปขายหรือจำนำแต่อย่างใด
