นครสวรรค์ – “นายกฯอุ๊งอิ๊งค์” นำโชว์ผลงานปราบยาเสพติด ด่านฯพยุหะคีรี ไม่ถึง 6 เดือนสกัดยาบ้าได้กว่า 28,000,000 เม็ด-ไอซ์อีก 200 กว่ากิโลฯ ยันจับแล้วไม่มีวนกลับแน่ ชื่นชม จนท.ทุกฝ่ายร่วมมือเต็มที่-เตรียมเพิ่มสวัสดิการให้อีก
เมื่อเวลา 15.00 น. วันนี้(21 มี.ค.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้เดินทางด้วยรถยนต์ Lexus ทะเบียน 5ขส 45 กรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและร่วมแถลงผลการปฏิบัติงานด้านปราบปรามยาเสพติด ณ ด่านตรวจยานพาหนะพยุหะคีรี กองกำกับการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ในพื้นที่ตำบลย่านมัทรี อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์
เพื่อเน้นย้ำแผนนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลในการปราบปรามยาเสพติดอย่างครบวงจร ทั้งการตัดต้นตอ การจำหน่าย การสกัดกั้น การปราบปราม และการยึดทรัพย์ พร้อมยกระดับการตรวจจับด้วยเทคโนโลยีเอกซเรย์ขั้นสูง
สำหรับผลงานการจับกุมของด่านตรวจยานพาหนะพยุหะคีรีในปีงบประมาณ 2568 (1 ตุลาคม 2567 ถึง 15 มีนาคม 2568) สามารถจับกุมคดีสำคัญได้ 6 คดี มีผู้ต้องหา 16 คน พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 28,690,000 เม็ด และยาไอซ์ 200 กิโลกรัม
โอกาสนี้ น.ส.แพทองธาร ได้กล่าวชื่นชมเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็งจนทำให้การลักลอบขนยาเสพติดทำได้ยากขึ้น ส่งผลให้ค่าจ้างขนยาและราคายาเสพติดสูงขึ้นตามไปด้วย พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลจะสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทั้งในด้านความปลอดภัย งบประมาณ และสวัสดิการ เพื่อเสริมสร้างขวัญกำลังใจให้ผู้ปฏิบัติงานด่านหน้า
“รัฐบาลให้ความมั่นใจกับเจ้าหน้าที่ว่า เราต้องกวาดล้างยาเสพติดอย่างจริงจัง ซึ่งได้สื่อสารกับประชาชนเสมอ เพื่อสร้างความมั่นใจให้ทุกฝ่ายปฏิบัติงานได้อย่างเต็มที่” นายกฯ กล่าวและยังเน้นย้ำถึงความสำคัญในการบำบัดและฟื้นฟูผู้เสพยาเสพติดให้กลับคืนสู่สังคมด้วยว่า รัฐบาลจะสนับสนุนการสร้างอาชีพให้ผู้ผ่านการบำบัด เพื่อลดโอกาสกลับไปสู่วงจรเดิม
เมื่อถูกถามถึงการจัดการยาเสพติดที่ยึดได้ นายกรัฐมนตรีระบุว่า กระบวนการตรวจสอบยาเสพติดทุกเม็ดมีความโปร่งใส และมีหลายทีมทำหน้าที่ตรวจสอบทุกขั้นตอน ตัวเลขของยาที่จับได้กับที่นำไปทำลายจะต้องตรงกัน พร้อมมีเจ้าหน้าที่ดูแลเฝ้าประจำจุดอย่างเข้มงวด จึงยืนยันว่า การนำยาเสพติดมาวนกลับเข้าสู่ตลาดจะไม่เกิดขึ้น เพราะทุกกระบวนการมีการตรวจสอบละเอียด
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังยืนยันอีกว่า รัฐบาลจะเดินหน้าสืบสาวและทลายเครือข่ายค้ายาเสพติดรายใหญ่ให้หมดสิ้น แม้ในบางกรณีที่ผู้ต้องหาหลบหนีไปต่างประเทศ รัฐบาลก็ได้ประสานงานออกหมายจับระหว่างประเทศแล้ว และหากพบว่ามีบุคคลที่มีสี หรือเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติด จะต้องดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดด้วยเช่นกัน
“เข้าใจดีว่า เจ้าหน้าที่ที่ปราบปรามยาเสพติดมีความเสี่ยงต่อชีวิต ดังนั้น รัฐบาลจึงให้ความสำคัญกับการเพิ่มค่าตอบแทนและสวัสดิการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของพวกเขา” นายกฯ กล่าว