xs
xsm
sm
md
lg

เด็กๆ เชียงใหม่เลือดกำเดาพุ่งเซ่นสถานการณ์ฝุ่นควันวิกฤติ-ค่ามลพิษอากาศครองอันดับโลกต่อเนื่อง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เชียงใหม่ – ฝุ่นควันเชียงใหม่เบาบางลงแต่ยังไม่พ้นวิกฤติ และค่ามลพิษอากาศเกินมาตรฐานต่อเนื่องยึดแนวหน้าอันดับโลก พบผู้คนได้รับผลกระทบสุขภาพเพียบ โดยเฉพาะเด็กๆ ที่เลือดกำเดาไหล ขณะที่ผู้ปกครองห่วงลูกเผชิญวิกฤติซ้ำซากส่งผลกระทบในระยะยาว วอนหน่วยงานเกี่ยวข้องมุ่งแก้ไขปัญหาอย่างจริงใจตรงไปตรงมา


รายงานข่าวแจ้งว่าวันนี้(21มี.ค.68)สภาพตัวเมืองเชียงใหม่ยังคงถูกปกคลุมหนาทึบด้วยฝุ่นควัน แม้ว่าสถานการณ์ปัญหาฝุ่นควันไฟป่าและมลพิษอากาศตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาดูเหมือนจะคลี่คลายลงไประดับหนึ่ง โดยเป็นผลมาจากกระแสลมตะวันออกที่พัดผ่าน ซึ่งส่งผลดีทำให้ปริมาณฝุ่นควันเบาบางลง อย่างไรก็ตามพบว่าในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ยังคงมีจุดความร้อนจากการเผาจำนวนมาก ซึ่งจากการตรวจวัดของดาวเทียมในรอบ24ชั่วโมงของวันที่ 20 มี.ค.68 มีจำนวนทั้งสิ้น 48 จุดและผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศจากสถานีตรวจวัดของกรมควบคุมมลพิษในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ส่วนใหญ่ยังคงสูงเกินมาตรฐาน และอยู่ในระดับที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ

โดยผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศจากสถานีในตำบลช้างเผือก, ตำบลศรีภูมิ, ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่,ตำบลช่างเคิ่ง อำเภอแม่แจ่ม, ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว และตำบลหางดง อำเภอฮอด พบค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กPM 2.5 เฉลี่ยในรอบ 24 ชั่วโมง ณ เวลา 09.00 น. วันนี้ อยู่ที่ 46.8ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร,26.4 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร,44.5ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร, 55.4 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร, 24.9ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และ 63.3 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ จากค่ามาตรฐานไม่เกิน 37.5 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ส่วนค่าดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) อยู่ที่125, 56, 119, 148,50และ169 ตามลำดับ จากค่ามาตรฐานไม่เกิน 100

ด้านเว็บไซต์Iqair.com ซึ่งรายงานคุณภาพอากาศจากทั่วโลก แจ้งผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศและการจัดอันดับเมืองที่มีมลพิษทั่วโลก เมื่อเวลา 15.00 น. วันนี้ พบว่าเทศบาลนครเชียงใหม่มีดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ 157 US AQI และค่าPM 2.5 วัดค่าได้ 64 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ซึ่งเกินค่ามาตรฐาน และอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อทุกคน โดยผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศดังกล่าวถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 4 ของเมืองหลักที่มีมลพิษอากาศสูงสุดของโลก ทั้งนี้ 3 อันดับแรก ได้แก่ อันดับ 1 ฮานอย
ประเทศเวียดนาม ดัชนีคุณภาพอากาศ 169US AQI ,อันดับ 2 ธากา ประเทศบังคลาเทศ 166 US AQI และอันดับ 3 วรอตสวัฟ ประเทศโปแลนด์


รายงานข่าวแจ้งด้วยว่าจากสถานการณ์ปัญหาฝุ่นควันและมลพิษอากาศในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ที่ย่ำแย่อย่างต่อเนื่องตลอดหลายวันที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงทั้งผู้ป่วยโรคเรื้อรัง สตรีมีครรภ์ คนแก่และเด็ก ซึ่งพบว่ามีเด็กๆ เชียงใหม่เป็นจำนวนมากที่เกิดอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ และเลือดกำเดาไหล เห็นได้จากการแจ้งข้อมูลที่มีการโพสต์เผยแพร่ในโซเชียลมีเดียทั้งทางเพจเฟซบุ๊กชื่อดังและเฟซบุ๊กส่วนตัว แม้ว่าส่วนใหญ่จะไม่มีอาการรุนแรงถึงขั้นต้องส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล แต่ย่อมสร้างความกังวลใจเกี่ยวกับผลกระทบสุขภาพในระยะยาว เพราะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี

ทั้งนี้พบว่าผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์คลิปวิดีโอบันทึกเหตุการณ์ที่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังมีเลือดกำเดาไหลพุ่งออกมาจากจมูกเป็นจำนวนมากจนกระดาษทิชชูที่ใช้ซับเลือดเป็นสีแดงและเลือดยังเปื้อนเสื้อที่สวมใส่ด้วย พร้อมบรรยายข้อความว่า “ฝุ่นควันเชียงใหม่เรียกว่าเลวร้ายหรือเปล่า?.... ก็ไม่รู้ รู้แค่ว่าวันนี้(19มี.ค.68) พาลูกสาวออกบ้านไปทำงานด้วย แวะนั่งกินข้าวข้างทางเสร็จ พอพาขึ้นรถเท่านั้น......ก็เป็นไปตามที่เห็น เชื่อว่าช่วงนี้คนเชียงใหม่บ้านไหนที่มีเด็กๆ ก็เจอเหมือนกัน#ฝุ่นควัน#ไฟป่า#อากาศสะอาด#เชียงใหม่” ซึ่งโพสต์ดังกล่าวมีผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็นเป็นห่วงเป็นใยเด็กหญิงเป็นจำนวนมาก


โดยจากการสอบถามนายชัย (นามสมมติ) ซึ่งเป็นผู้ใช้เฟซบุ๊กที่โพสต์คลิปเหตุการณ์ดังกล่าว เปิดเผยว่า ลูกสาวของตัวเองที่เลือดกำเดาไหลในคลิปที่โพสต์ชื่อน้องมะนาว อายุ 7 ปี ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงเที่ยงวันที่ 19 มี.ค.68 และเชื่อว่าเป็นผลมาจากสถานการณ์ฝุ่นควันและมลพิษอากาศที่คนทั้งจังหวัดเชียงใหม่และอีกหลายจังหวัดภาคเหนือกำลังเผชิญอยู่อย่างแน่นอน เนื่องจากตลอดช่วงหลายวันที่ผ่านมาสถานการณ์ฝุ่นควันในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เลวร้ายมาก และทุกๆ ปีในช่วงที่สถานการณ์เป็นเช่นนี้ลูกสาวของตัวเองมักจะมีเลือดกำเดาไหลเสมอ ซึ่งปีนี้ตัวเองได้พยายามดูแลและปกป้องลูกสาวอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ด้วยการให้ทำกิจกรรมอยู่แต่ในบ้านที่ปีนี้เพิ่งติดตั้งเครื่องเติมอากาศและเปิดเครื่องฟอกอากาศด้วย ทำให้ที่ยังไม่มีปัญหาเลือดกำเดาไหล

อย่างไรก็ตามในวันที่เกิดเหตุนั้น ตัวเองมีความจำเป็นต้องออกไปธุระที่นัดหมายในตัวเมืองเชียงใหม่แล่ะต้องพาลูกสาวไปด้วย ซึ่งระหว่างทางได้จอดรถในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งเพื่อแวะซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อและกินข้าวกลางวันในร้านอาหารที่อยู่ในปั๊มประมาณ 15 นาที ซึ่งจำเป็นต้องถอดหน้ากากอนามัยที่สวมใส่ และเมื่อเสร็จแล้วได้รีบกลับขึ้นรถยนต์ แต่ปรากฏว่าระหว่างที่กำลังสตาร์ทรถและจะขับออกไปนั้น ลูกสาวของตัวเองได้ร้องบอกว่าเลือดกำเดาไหล จึงจอดรถดูอาการ และพบว่าลูกสาวมีเลือดกำเดาไหลออกมามากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาจนเลือดเต็มกระดาษทิชชูที่ใช้ซับและเปื้อนเสื้อผ้า จนทำตัวเองต้องรีบพาลูกสาวกลับบ้านและยกเลิกการทำธุระที่นัดหมายไว้


สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ลูกสาวของตัวเองไม่ได้ตื่นตกใจแต่อย่างใดแม้ว่าเลือดกำเดาจะไหลออกมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเนื่องจากคุ้นเคยกับเหตุการณ์แบบนี้พอสมควรเพราะเกิดขึ้นทุกปี แต่สำหรับตัวเองที่เป็นพ่อแล้วยอมรับว่ารู้สึกเป็นห่วงและกังวลใจอย่างมากเกี่ยวกับสุขภาพของลูกสาว โดยเฉพาะในระยะยาว จากการที่ต้องได้รับผลกระทบต่อสุขภาพจากปัญหาฝุ่นควันที่จังหวัดเชียงใหม่ต้องเผชิญวิกฤติซ้ำซากเป็นประจำทุกปี ซึ่งเชื่อว่านอกจากลูกสาวของตัวเองแล้ว ยังมีเด็กๆ อีกเป็นจำนวนมากที่ได้รับผลกระทบต่อสุขภาพเช่นเดียวกันและคงรู้สึกไม่ต่างกันว่าเหมือนเด็กๆ ถูกปล้นการใช้ชีวิตไปเพราะไม่สามารถออกไปวิ่งเล่นนอกบ้านได้ตามวัย

ทั้งนี้ทราบดีว่าวิกฤติฝุ่นควันไฟป่านั้น เป็นปัญหาใหญ่ที่ยากจะแก้ไขให้หมดสิ้นไปในทันที แต่อยากวิงวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มุ่งแก้ไขบรรเทาปัญหาด้วยความจริงใจ โดยยึดข้อเท็จจริงและความเดือดร้อนของประชาชนเป็นสำคัญ มากกว่าที่จะมัวเป็นห่วงภาพลักษณ์หรือเศรษฐกิจการท่องเที่ยว เพราะพบว่ายังทีมงานประชาสัมพันธ์ของบางหน่วยงานสื่อสารผ่านทางช่องทางโซเชียลมีเดียคล้ายทำให้เข้าใจว่าสถานการณ์ไม่รุนแรงและเชิญชวนให้คนมาท่องเที่ยวกัน










กำลังโหลดความคิดเห็น