xs
xsm
sm
md
lg

จับอีก! ศุลกากรบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้า มูลค่า 21.86 ล้านบาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวศรีราชา - จับอีก! ศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้ากว่าแสนชิ้น มูลค่า 21.86 ล้านบาท
 
วันนี้ (20 มี.ค.) นางพงษ์สวาท นีละโยธิน  ปลัดกระทรวงยุติธรรม พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) นายดิเรก คชารักษ์ รองอธิบดีกรมศุลกากร นายนายวุฒิ เร่งประดุงทอง ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากร ท่าเรือแหลมฉบัง พ.ต.อ.ไตรเทพ แพทย์รัตน์ ผกก.สภ.แหลมฉบัง และเจ้าหน้าที่ศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง แถลงข่าวการจับกุมบุหรี่ไฟฟ้ากว่าแสนชิ้น มูลค่า 21.86 ล้านบาท ที่สำนักงานศุลกากร ท่าเรือแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
 
นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ตามที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีนโยบายสั่งการให้ปราบปรามการลักลอบนำเข้า ส่งออกบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจัง รวมถึงการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเร่งด่วนให้เห็นผลภายใน 30 วัน นับแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2568 โดยเฉพาะในกลุ่มนักเรียนและร้านค้ารอบสถานศึกษา เพื่อความปลอดภัยและสุขภาพที่ดีของประชาชนนั้น ด้านนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ขานรับนโยบาย
 
พร้อมสั่งการให้กรมศุลกากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งดำเนินการตามนโยบายข้างต้น โดยเพิ่มความเข้มงวดเพื่อตอบสนองนโยบายอย่างเคร่งครัด พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่เพิ่มการเฝ้าระวังการลักลอบนำเข้าและส่งออกบุหรี่ไฟฟ้าทุกช่องทาง รวมถึงการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง
  
นายดิเรก คชารักษ์ รองอธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า จากการเฝ้าติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลความเสี่ยงในการลักลอบนำบุหรี่ไฟฟ้าเข้ามาในราชอาณาจักรหรือผ่านแดนไปประเทศปลายทางอื่นๆ ทางกรมศุลกากรได้สั่งการให้สานักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบังรวบรวมข้อมูล การข่าวและจับตาพฤติการณ์ของผู้ที่มีความเสี่ยงในการลักลอบนำบุหรี่ไฟฟ้าเข้ามาในประเทศไทยอย่างใกล้ชิด จนเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2568 สานักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และตำรวจภูธรภาค 2 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทำการตรวจสอบตู้สินค้าตกค้าง จำนวน 4 ตู้คอนเทนเนอร์ ณ สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี
 
จากการตรวจสอบพบมีการซุกซ่อนบุหรี่ไฟฟ้าปะปนมากับสินค้าอื่นๆ โดยตู้ที่ 1 พบบุหรี่ไฟฟ้าชนิดใช้แล้วทิ้ง จำนวน 320 กล่อง (รวม 48,000 ชิ้น) มูลค่า 8,640,000 บาท ตู้ที่ 2 พบบุหรี่ไฟฟ้าชนิดใช้แล้วทิ้ง จานวน 178 กล่อง (รวม 36,170 ชิ้น) มูลค่า 6,510,600 บาท ตู้ที่ 3 พบบุหรี่ไฟฟ้าชนิดใช้แล้วทิ้ง จำนวน 59 กล่อง (รวม 13,930 ชิ้น) มูลค่า 2,507,400 บาท และตู้ที่ 4 พบบุหรี่ไฟฟ้าชนิดใช้แล้วทิ้ง จำนวน 103 กล่อง (รวม 23,390 ชิ้น) มูลค่า 4,210,200 บาท รวมทั้งสิ้น จำนวน 660 กล่อง (รวม 121,490 ชิ้น) มูลค่ารวมทั้งสิ้น 21,868,200 บาท
 
โดยบุหรี่ไฟฟ้าดังกล่าวอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 และเป็นของต้องห้ามตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง สินค้าต้องห้ามนาผ่านราชอาณาจักร พ.ศ.2559 ประกอบประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนาเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ.2557 และประกาศกรมศุลกากรที่ 185/2564 เรื่อง พิธีการศุลกากรว่าด้วยการผ่านแดนทางอิเล็กทรอนิกส์ ลงวันที่ 1 ธันวาคม 2564 ข้อ 6 สาหรับสถิติการจับกุมบุหรี่ไฟฟ้า ในปีงบประมาณ 2568 (1 ตุลาคม 2567-17 มีนาคม 2568) จับกุมได้ 302 คดี ปริมาณ 942,293 ชิ้น มูลค่า 112.13 ล้านบาท
 
ด้านนายวุฒิ เร่งประดุงทอง ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากร ท่าเรือแหลมฉบัง กล่าวว่า ทางกรมศุลกากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางมาตรการป้องกันอย่างเข้มงวด แต่เนื่องจากมีตู้สินค้าผ่านศุลกากรท่าเรือแหลมฉบังกว่า 10,000 ตู้ และไม่สามารถเปิดตรวจสอบได้ทั้งหมด จึงมีหลุดรอดไปได้ แต่อย่างไรก็ตาม ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ให้ความร่วมมือสืบหาข้อมูลและสามารถจับกุมสินค้าดังกล่าวได้








กำลังโหลดความคิดเห็น