เชียงใหม่ - ฝุ่นควันเชียงใหม่ยังวิกฤต ค่ามลพิษพุ่งสูงเกินค่ามาตรฐานกระทบสุขภาพยึดแนวหน้าอันดับโลกต่อเนื่อง ขณะที่กลุ่มนักข่าวรุมวิจารณ์ยับทีมเชียงใหม่ตั้งทีมสื่อสารภาวะวิกฤตฝุ่นควัน แต่กลับมุ่งประชาสัมพันธ์สร้างภาพมากกว่า ล่าสุดโพสต์อินโฟเคลมผลงานปฏิบัติการทำคุณภาพอากาศดี ทั้งๆ ที่สภาพทั่วทั้งเมืองถูกฝุ่นควันคลุมทึบแถมค่ามลพิษพุ่งกระฉูด ก่อนสุดท้ายลบทิ้งอ้างอุปกรณ์ขัดข้อง จี้ทำงานด้วยความจริงใจ สื่อสารข้อมูลสถานการณ์ตามความเป็นจริงเพื่อให้ประชาชนปฏิบัติตัวได้อย่างถูกต้อง
รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า วันนี้ (17 มี.ค. 67) สถานการณ์ปัญหาฝุ่นควัน ไฟป่า และคุณภาพอากาศของจังหวัดเชียงใหม่ยังคงเลวร้ายต่อเนื่อง โดยสภาพทั่วทั้งตัวเมืองถูกปกคลุมหนาทึบด้วยฝุ่นควันต่อเนื่องมาตลอดหลายวันที่ผ่านมา ซึ่งสาเหตุมาจากไฟไหม้ป่าที่เกิดเพิ่มขึ้นจำนวนมากในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดต่างๆ ในภาคเหนือ รวมทั้งประเทศเพื่อนบ้าน ส่งผลทำให้ผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศจังหวัดเชียงใหม่จากสถานีตรวจวัดของกรมควบคุมมลพิษสูงเกินค่ามาตรฐานและมีผลกระทบต่อสุขภาพทุกสถานี
โดยผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศจากสถานีในตำบลช้างเผือก, ตำบลศรีภูมิ, ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่, ตำบลช่างเคิ่ง อำเภอแม่แจ่ม, ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว และตำบลหางดง อำเภอฮอด พบค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เฉลี่ยในรอบ 24 ชั่วโมง ณ เวลา 09.00 น. วันนี้ อยู่ที่ 85.7ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร, 59.4 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร, 73.7ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร, 63.7 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร, 126.3 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และ 75.1 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ จากค่ามาตรฐานไม่เกิน 37.5 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ส่วนค่าดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) อยู่ที่ 211, 159, 197, 170, 252 และ 201 ตามลำดับ จากค่ามาตรฐานไม่เกิน 100
ด้านเว็บไซต์ Iqair.com ซึ่งรายงานคุณภาพอากาศจากทั่วโลก แจ้งผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศและการจัดอันดับเมืองที่มีมลพิษทั่วโลก เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ พบว่าเทศบาลนครเชียงใหม่มีดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ US AQI และค่า PM 2.5 วัดค่าได้ 74 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ซึ่งเกินค่ามาตรฐาน และอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อทุกคน โดยผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศดังกล่าวถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 3 ของเมืองหลักที่มีมลพิษอากาศสูงสุดของโลก ทั้งนี้ 3 อันดับแรก ได้แก่ อันดับ 1 เมืองไคโร ประเทศอียิปต์ ดัชนีคุณภาพอากาศ 223 US AQI และอันดับ 2 เมืองแบกแดด ประเทศอิรัก 183 US AQI
ขณะเดียวกันรายงานข่าวแจ้งว่า ช่วงเที่ยงวันนี้ (17 มี.ค. 68) ในไลน์กลุ่มชื่อ “ส่วนราชการกับสื่อ” เป็นกลุ่มไลน์ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อใช้เป็นช่องทางสื่อสารข่าวสารระหว่างหัวหน้าส่วนราชการในจังหวัดเชียงใหม่กับผู้สื่อข่าวในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีสมาชิกในกลุ่มไลน์นี้ทั้งสิ้น 499 ราย พบว่าผู้สื่อข่าวหลายรายได้โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะตำหนิท้วงติงอย่างหนักเกี่ยวกับการทำงานของทีมงานศูนย์ข้อมูลไฟป่าฝุ่นควันไฟป่าจังหวัดเชียงใหม่ภายใต้การนำของนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ในการให้ข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสถานการณ์วิกฤตฝุ่นควันไฟป่าที่ประชาชนและนักท่องเที่ยวต้องเผชิญกับมลพิษอากาศ
ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวานนี้ (16 มี.ค. 68) ที่สภาพตัวเมืองเชียงใหม่ถูกปกคลุมด้วยฝุ่นควันหนาทึบและค่ามลพิษสูงเกินค่ามาตรฐาน ซึ่งผู้คนปกติทั่วไปสามารถประเมินได้ด้วยสายตา อย่างไรก็ตามปรากฏว่าข้อมูลในแอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” กลับมีการรายงานข้อมูลเกือบตลอดทั้งวันว่าคุณภาพอากาศอยู่ในระดับสีเขียวหรือคุณภาพอากาศดี ทั้งที่ในความเป็นจริงคุณภาพอากาศอยู่ในระดับสีส้มถึงสีแดง หรือเริ่มมีผลต่อสุขภาพถึงมีผลต่อสุขภาพ อีกทั้งทีมงานดังกล่าวยังได้มีการนำข้อมูลที่ผิดพลาดดังกล่าวไปใช้จัดทำสื่อและโพสต์เผยแพร่ผ่านทางเพจ “ศูนย์ข้อมูลไฟป่าฝุ่นควันจังหวัดเชียงใหม่” โดยอ้างว่าคุณภาพอากาศดีขึ้นนั้น เป็นผลงานเนื่องมาจากการที่ทีมเชียงใหม่ได้ระดมปฏิบัติการดับไฟป่าทั้งทางอากาศและภาคพื้นดิน
อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมามีการตรวจสอบพบว่าการรายงานข้อมูลดังกล่าวไม่ถูกต้องและขัดแย้งกับสภาพความเป็นจริงอย่างสิ้นเชิง จนต้องมีการลบโพสต์ที่เป็นการอวดอ้างผลงานดังกล่าวออกจากเพจ พร้อมกับชี้แจงว่าเกิดความผิดพลาดเนื่องจากอุปกรณ์ตรวจวัดคุณภาพอากาศที่แอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” ใช้งานเกิดความขัดข้อง โดยทางจังหวัดเชียงใหม่ได้จัดให้มีการแถลงข่าวด้วย แต่มีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้าเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น และแถลงข่าวจบเพียงในเวลาไม่กี่นาทีเช่นกัน ซึ่งกลุ่มผู้สื่อข่าวต่างพากันแสดงความคิดเห็นท้วงติงอย่างหนัก เนื่องจากที่ผ่านมาทางจังหวัดเชียงใหม่ได้มีการจัดตั้งทีมงานข้อมูลข่าวและการสื่อสารในภาวะวิกฤต รวมทั้งในช่วงสถานการณ์ฝุ่นควันนี้ด้วย แต่การทำงานเหมือนตั้งหน้าตั้งตาประชาสัมพันธ์ผลงานมากกว่าการสื่อสารให้ประชาชนรับทราบสถานการณ์และดูแลป้องกันตัวเอง
นอกจากนี้พบด้วยว่าเพจ “วิทยุจราจร จราจรเพื่อชุมชนเชียงใหม่” ซึ่งเป็นหนึ่งในเพจเครือข่ายทีมเชียงใหม่ ยังได้มีการโพสต์ภาพถนนคนเดินท่าแพที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก พร้อมระบุว่า “PM 2.5 ไม่ขัดขวาง” เจตนาคล้ายไม่สนใจพิษภัยและผลกระทบของฝุ่นควัน PM 2.5 ที่มีผลต่อสุขภาพ ซึ่งผู้สื่อข่าวแสดงความเห็นว่าการที่นักท่องเที่ยวยังคงท่องเที่ยวตามปกตินั้น อาจเป็นเพราะไม่ได้รับทราบสถานการณ์ที่แท้จริง และภาพดังกล่าวไม่ใช่เรื่องที่ควรจะโพสต์อวด เพราะอาจทำให้ผู้คนเข้าใจสถานการณ์ผิดเพี้ยน ทั้งนี้สมควรจะสื่อสารให้ผู้คนเข้าใจสถานการณ์อย่างถูกต้องมากกว่า