เชียงใหม่ - ฝุ่นควันเชียงใหม่ส่อสาหัส ปกคลุมหนาทึบทั่วทั้งเมือง ค่ามลพิษพุ่งสูงเกินมาตรฐานยึดอันดับ 1 ของเมืองหลักทั่วโลก ขณะที่จังหวัดยอมรับสถานการณ์เข้าขั้นวิกฤตกระทบสุขภาพประชาชน เร่งประชุมด่วนสั่งการยกระดับมาตรการฉุกเฉิน ส่งเฮลิคอปเตอร์บินโปรยน้ำดับไฟจุดเข้าถึงยากและระดมกำลังเพิ่มปฏิบัติการภาคพื้น พร้อมเตือนประชาชนให้สวมหน้ากากป้องกันและเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง
วันนี้ (16 มี.ค. 68) รายงานข่าวแจ้งว่า สถานการณ์ปัญหาฝุ่นควันไฟป่าและคุณภาพอากาศของจังหวัดเชียงใหม่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นต่อเนื่อง จากเหตุไฟไหม้ป่าที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดต่างๆ ในภาคเหนือ รวมทั้งประเทศเพื่อนบ้าน ส่งผลทำให้สภาพทั่วทั้งตัวเมืองเชียงใหม่ถูกปกคลุมด้วยฝุ่นควันหนาทึบและการมองเห็นเป็นไปอย่างขมุกขมัว
โดยรายงานจุดความร้อน (Hotspot) จากสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) ประจำวันที่ 16 มี.ค. 68 (รอบเช้า) จากการตรวจวัดของ Suomi-NPP เวลา 02.02 น. พบจุดความร้อนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่จำนวนทั้งสิ้น 163 จุด ประกอบด้วย อำเภอฮอด 48 จุด, เชียงดาว 31 จุด, อมก๋อย 22 จุด, ไชยปราการ 11 จุด, แม่แตง 9 จุด, พร้าว 8 จุด, สันทราย 8 จุด, แม่วาง 8 จุด, ดอยเต่า 7 จุด, แม่แจ่ม 6 จุด, จอมทอง 3 จุด และดอยหล่อ 2 จุด
ขณะเดียวกัน ข้อมูลจาก GISTDA ระบุว่าในรอบ 24 ชั่วโมงของวันที่ 15 มี.ค. 68 พบจุดความร้อน (Hotspot) ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ รวมทั้งสิ้น 1,022 จุด และอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ 168 จุด ซึ่งมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของภาคเหนือ ส่วนอันดับ 1 ได้แก่ จังหวัดตาก 219 จุด, อันดับ 3 ลำปาง 135 จุด, อันดับ 4 พะเยา 106 จุด และอันดับ 5 แม่ฮ่องสอน 101 จุด
ส่วนรายงานผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศจังหวัดเชียงใหม่จากสถานีตรวจวัดของกรมควบคุมมลพิษพบว่าอยู่ในระดับที่สูงเกินค่ามาตรฐานและมีผลกระทบต่อสุขภาพทุกสถานีแล้ว โดยผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศจากสถานีในตำบลช้างเผือก, ตำบลศรีภูมิ, ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่, ตำบลช่างเคิ่ง อำเภอแม่แจ่ม, ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว และตำบลหางดง อำเภอฮอด พบค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เฉลี่ยในรอบ 24 ชั่วโมง ณ เวลา 07.00 น. วันนี้ อยู่ที่ 66.2ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร, 51.4 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร, 61.7ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร, 43.2 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร, 70.9 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และ73.4 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ จากค่ามาตรฐานไม่เกิน 37.5 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ส่วนค่าดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) อยู่ที่ 177, 138, 165, 116, 189 และ 196 ตามลำดับ จากค่ามาตรฐานไม่เกิน 100
ด้านเว็บไซต์ Iqair.com ซึ่งรายงานคุณภาพอากาศจากทั่วโลก แจ้งผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศและการจัดอันดับเมืองที่มีมลพิษทั่วโลก เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ พบว่าเทศบาลนครเชียงใหม่มีดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ 169 US AQI และค่า PM 2.5 วัดค่าได้ 80.8 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ซึ่งเกินค่ามาตรฐาน และอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อทุกคน โดยผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศดังกล่าวสูงเป็นอันดับที่ 1 ของเมืองหลักที่มีมลพิษอากาศสูงสุดของโลก รองลงไป ได้แก่ อันดับ 2 เมืองลาฮอร์ ประเทศปากีสถาน ดัชนีคุณภาพอากาศ 168 US AQI และอันดับ 3 เมืองเดลี ประเทศอินเดีย 165 US AQI
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า จากสถานการณ์ที่เริ่มรุนแรงและเลวร้ายมากขึ้นจากวิกฤตฝุ่นควันไฟป่าที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน เมื่อวานนี้ทางศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันจังหวัดเชียงใหม่ได้จัดประชุมด่วนเพื่อยกระดับมาตรการฉุกเฉิน โดยสั่งการมาตรการเร่งด่วน ได้แก่ 1. ยกระดับปฏิบัติการภาคสนาม ระดมเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครเข้าควบคุมไฟป่าในจุดเสี่ยงสูง, 2. ใช้เฮลิคอปเตอร์ออกปฏิบัติภารกิจโปรยน้ำดับไฟในพื้นที่เข้าถึงยาก, 3. แจ้งเตือนประชาชนขอให้สวมหน้ากาก หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง พร้อมติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด และ 4. บังคับใช้กฎหมายเข้มงวด ตรวจสอบและดำเนินคดีผู้ลักลอบเผาป่าและพื้นที่เกษตร