เชียงราย – ขบวนการลำเลียงยาเสพติดลุ่มสามเหลี่ยมทองคำ ยังขนไม่หยุด..ล่าสุด นรข.เจอหนุ่มลาววัยเบญจเพสขนใส่เรือกาบมาเต็มลำข้ามโขงจ่อขึ้นฝั่งเชียงแสน พอจะเข้าตรวจค้นกลับขัดขืนจนได้รับบาดเจ็บสาหัสขณะจับกุม พร้อมยึดยาบ้าได้ถึง 20 กระสอบไม่ต่ำกว่า 6,000,000 เม็ด
วันนี้ (14 มี.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านแซว อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นบริเวณชายแดนไทย-สปป.ลาว ติดกับแม่น้ำโขง ซึ่งอยู่ริมฝั่งพื้นที่หมู่บ้านปงของ หมู่ 5 ต.แม่เงิน อ.เชียงแสน เมื่อ 01.00 น.เศษที่ผ่านมา พ.ต.อ.พรรธน์ พรรธนภักดิ์ ผกก.สภ.บ้านแซว จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบ
พบเจ้าหน้าที่ทหารเรือจากหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) เขตเชียงราย โดยสถานีเรือเชียงแสนและหน่วยงาน นรข.ที่เกี่ยวข้อง กำลังปฏิบัติการสกัดกั้นการลักลอบขนยาเสพติดเข้ามาในฝั่งไทย
ที่เกิดเหตุพบของกลางเป็นเรือกาบซึ่งเป็นเรือยนต์ขนาดเล็กในแม่น้ำโขงจำนวน 1 ลำ บนเรือมีกระสอบฟางกว่า 20 ใบ ภายในบรรจุยาเสพติดประเภทยาบ้าใบละประมาณ 300,000 เม็ด รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ 6 ล้านเม็ด,ล้อเข็นสีน้ำเงินจำนวน 1 คัน จอดอยู่ห่างจากฝั่งแม่น้ำโขงประมาณ 50 เมตร ลักษณะกำลังจะใช้ขนกระสอบฟางจากเรือมาขึ้นฝั่ง
นอกจากนี้พบคนขับเรือกาบเป็นชายชาวลาวสูง 1 คน ทราบชื่อต่อมาคือ นายเจีย อายุ 25 ปี ชาวเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว สภาพได้รับบาดเจ็บสาหัสและไม่สามารถให้การใดๆ ได้ เจ้าหน้าที่จึงรีบนำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลเชียงแสนอย่างเร่งด่วน
จากการสอบถามทราบว่าก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ทหารเรือจาก นรข.เขตเชียงราย ได้นำกำลังออกลาดตระเวนเฝ้าตรวจตามแนวชายแดนแม่น้ำโขงระหว่างไทย-สปป.ลาว ตั้งแต่ อ.เชียงแสน-เชียงของ จ.เชียงราย เมื่อไปถึงบริเวณริมฝั่งพื้นที่หมู่บ้านปงของได้ตรวจพบมีเรือกาบ 1 ลำ แล่นเข้ามาเทียบฝั่งไทย
เจ้าหน้าที่ทหารจึงเข้าไปตรวจสอบแต่ปรากฎว่าคนขับเรือชาวลาวพยายามขัดขืนทำให้เกิดการต่อสู้จนนายเจียได้รับบาดเจ็บสาหัสขณะเข้าจับกุม เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบกระสอบบนเรือก็พบเป็นยาเสพติดจำนวนมากดังกล่าวดังกล่าว ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้นำของกลางไปตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อขยายผลตากฎหมายต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่าก่อนหน้านี้ตำรวจ ภ.5 ได้ปราบปรามเครือข่ายยาเสพติดของนายบุญชัย หรือป๋อลี ชาวม้งที่เคลือนไหวขนยาเสพติดพื้นที่ชายแดนไทย-สปป.ลาว ด้าน อ.เชียงแสน อ.เชียงของ และ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย ไปจนถึง อ.ภูซาง จ.พะเยา อย่างหนัก
