ฉะเชิงเทรา - งอกอีกพื้นที่บุกรุกกลุ่มทุนจีนทำสวนทุเรียนใน ต.คลองตระเกรา อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา ล่าสุดพบที่ดินชาวบ้าน 5 ราย ถูกออกแนวเขตพื้นที่ทับซ้อน ตำรวจ ปทส. เร่งตรวจสอบสิทธิและกระบวนการออกแนวเขต ส่วน ผวจ.ฉะเชิงเทรา ขู่จัดหนักคนสวมสิทธิ สั่งเร่งขยายผลการซื้อขายเปลี่ยนมือที่ คทช.
จากกรณีที่ประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา เผยถึงผลการประชุมเพื่อพิจารณาติดตามกรณีกลุ่มทุนจีนบุกรุกป่าทำสวนทุเรียนขนาดใหญ่ ในพื้นที่ อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา และได้มีเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาการยึดพื้นที่ทำสวนทุเรียนของกลุ่มทุนจีนใน ต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา รวมกว่า 688 ไร่นั้น
ล่าสุด วันนี้ (14 มี.ค.) นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมด้วย พล.ต.ต.เกรียงไกร บุญซ้อน ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา และเจ้าหน้าที่ทหารพราน กรมทหารพรานที่ 13 ได้สนธิกำลังร่วมตำรวจ ปทส. ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ อบต.คลองตะเกรา เข้าตรวจสอบสวนทุเรียนของกลุ่มทุนจีนใน ต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ หลังเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจยึดไว้ก่อนหน้านี้ประมาณ 688 ไร่ และได้ดำเนินคดีกับผู้บุกรุกไปแล้วจำนวน 300 ไร่
โดยผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เผยว่าการลงพื้นที่ตรวจสอบในครั้งนี้เพื่อต้องการให้เห็นกับตาถึงสภาพความเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ ขณะเดียวกัน เพื่อจะได้สอบถามข้อมูลจากปากชาวบ้านด้วยตนเอง
"ขณะนี้มีชาวบ้านบางส่วนที่อยู่ระหว่างให้ปากคำต่อตำรวจ ปทส.โดยขอย้ำว่าหากใครได้รับที่ดินตามโครงการ คทช. แล้วจะต้องใช้ที่ดินให้เกิดประโยชน์และจะต้องไม่มีการขายเปลี่ยนมือ ส่วนกรณีพื้นที่สวนทุเรียนของกลุ่มทุนจีนใน ต.คลองตะเกรา ที่ถูกแจ้งความดำเนินคดีแล้วนั้น ขณะนี้ทุกหน่วยงานกำลังเร่งสอบสวนและรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินการเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด"
ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรายังเผยถึงพื้นที่สวนทุเรียนของกลุ่มทุนจีนอีกกว่า 300 ไร่ ที่ยังไม่มีการแจ้งความดำเนินคดีว่า ขณะนี้ได้มอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษให้ครบทั้ง 688 ไร่แล้ว และยืนยุนว่าหากเกี่ยวข้องกับใครจะต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด
"ส่วนเรื่องการนำชื่อบุคคลอื่นมาขอใช้สิทธิที่ดิน คทช.ในเขต ต.ท่าตะเกียบ ทราบว่าตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา กำลังประสานข้อมูลกับทางตำรวจจังหวัดจันทบุรี เพื่อยืนยันข้อมูลที่มีการสอบปากคำไปแล้ว และในวันที่ 21 มี.ค.นึ้ จะมีการประชุม คทช.จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งคงจะต้องนำเรื่องที่ดินใน อ.ท่าตะเกียบ และที่ดินที่กำลังจะจัดสรรให้ประชาชนเข้ามาพิจารณาร่วมกับทุกหน่วยงาน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาบานปลายเหมือนอย่างที่เกิดขึ้น"
และยังขอความร่วมมือไปยังส่วนราชการหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรณีการรับรองเอกสารหรือยืนยันแนวเขตที่คิน คทช.จะต้องดำเนินการตรวจสอบให้ชัดว่าจะรับรองอย่างไร เนื่องจากในระเบียบมีการระบุชัดไว้แล้วว่าห้ามซื้อขายเปลี่ยนมือ
ด้าน พล.ต.ต.เกรียงไกร บุญซ้อน ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา เผยถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อขายที่ดิน คทช.ว่าได้เร่งให้พนักงานสอบสวน สภ.ท่าตะเกียบ ทำการสอบปากคำและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อส่งดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยเร็ว รวมถึงให้ขยายผลในเรื่องการติดตั้งเสาไฟเข้าไปในพื้นที่ของใคร เช่นเดียวกับระบบน้ำต้องตรวจสอบว่ามีการขออนุญาตหรือไม่ ซึ่งทั้งหมดต้องอยู่ในสำนวน
ขณะที่ ด.ต.ไพศาล เสริฐสอน ผบ.หมู่ กก.2 บก.ปทส. ที่ได้เข้าสอบปากคำชาวบ้านซึ่งมีสิทธิครอบครองที่ในบริเวณดังกล่าวจำนวน 5 คน พบว่าแต่ละคนมีที่ทำกินประมาณ 19-25 ไร่ และยังพบว่าที่ดินของทั้ง 5 คนถูกออกแนวเขตทับที่ดินจนกลายเป็นพื้นที่ทับซ้อนกับบริษัทที่เข้ามากว้านซื้อ ซึ่งชาวบ้านได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปทส.เข้าชี้พื้นที่ทำกินไว้เป็นหลักฐานแล้ว