เชียงใหม่ - ผบช.ภ.5 เผย..สงครามเมียนมา-ตลาดฝรั่งต้องการ ทำไอซ์ทะลักเพิ่มกว่า 700 เท่า 99% ส่งออกหมด เผยเส้นทางขบวนการยานรกลอบขนจากเขตว้าแดงเข้าชายแดนถี่ยิบทั้งด้านอีสาน-ตะวันตก-พรมแดนภาคเหนือ ลงเรือผ่านชายฝั่งสตูล อัปราคาจากกิโลฯ ละ 40,000 บาท พุ่งเป็นล้าน ก่อนออกมาเลย์-อินโดฯ ปลายทางออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์
พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 เปิดเผยว่าปัจจุบันชายแดนภาคเหนือมีหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือที่ 35 (นบ.ยส.ห35) ซึ่งเป็นการปฏิบัติงานร่วมทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และ ป.ป.ส.ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมาย
ในปี 2567 มีการดำเนินคดียาเสพติดได้ประมาณ 2,500 คดี ยึดยาบ้าได้ประมาณ 20 ล้านเม็ด ไอซ์ประมาณ 2,000 กิโลกรัม เฮโรอีนประมาณ 260 กิโลกรัม แต่ปี 2568 นี้พบมีการดำเนินคดีไปแล้วกว่า 9,784 คดี และจนถึงเดือนมีนาคม 2568 มีการยึดยาเสพติดประเภทไอซ์ได้แล้วกว่า 9,812 กิโลกรัม เมื่อคำนวณแล้วพบว่าการตรวจยึดไอซ์ตลอดทั้งปีนี้อาจจะมากกว่าปีก่อนถึง 700 เท่า ซึ่งเป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่จะต้องนำไปวิเคราะห์เพื่อหาทางสกัดกั้นต่อไป
พล.ต.ท.กฤตธาพลยืนยันว่าเส้นทางของยาเสพติดประเภทไอซ์เป็นการส่งผ่านประเทศไทย 99% กล่าวคือ หลังจากผลิตในเขตของว้าแดงแล้วก็จะลักลอบนำเข้าทางชายแดนประเทศไทยเพื่อส่งผ่านไปลงเรือเดินทะเล โดยมีพื้นที่หลักๆ คือชายทะเล จ.สตูล ก่อนจะลักลอบส่งต่อไปยังประเทศมาเลเซียหรืออินโดนีเซียต่อไป
เบื้องต้นคาดว่าการสู้รบในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านทำให้ชนกลุ่มน้อยทำการผลิตและขนขายเพื่อนำเงินไปหาซื้ออาวุธ นอกจากนี้ยังเกิดจากความต้องการในตลาดของประเทศปลายทาง โดยเฉพาะออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ รวมทั้งราคาของยาเสพติดประเภทนี้ยังสูง จากราคาต้นทุนที่ซื้อกันตามแนวชายแดนกิโลกรัมละประมาณ 40,000 บาท แต่ถ้าส่งไปถึงชายฝั่ง จ.สตูล จะมีราคาสูงถึงกว่า 1 ล้านบาท
ผบช.ภ.5 กล่าวอีกว่า จากปัจจัยทั้งสองอย่างจึงทำให้ขบวนการค้ายาไอซ์ทำการลักลอบขนกันมากขึ้นโดยเปลี่ยนเส้นทางไปมา ซึ่งจะเห็นว่าช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้จะส่งออกเข้าทางชายแดนภาคเหนือน้อย แต่หันไปลักลอบเข้าทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันตกแทน พอเจ้าหน้าที่ของไทยที่วางกำลังอยู่มีการสกัดอย่างหนัก ก็กลับมาพยายามลักลอบนำเข้าทางภาคเหนือจนเจ้าหน้าที่สกัดจับได้เป็นจำนวนมากหลายครั้งดังกล่าว
