ปราจีนบุรี - บุกจับเหมืองบิตคอยน์กลางเมืองกบินทร์ จ.ปราจีนบุรี คาดเป็นของกลุ่มทุนจีน พบเช่าอาคารพาณิชย์ 6 แห่งตั้งเครื่องขุด 90 เครื่อง จ้างแรงงานพม่าดูแลนานกว่าปี สร้างความเสียหายการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมากถึง 14.4 ล้านบาทต่อปี
วันนี้ (12 มี.ค.) พ.ต.อ.ศิวัชณัฏฐ์ คุ้มทรัพย์ ผกก.สภ.กบินทร์บุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบ สภ.กบินทร์บุรี ได้สนธิกำลังร่วมเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคกบินทร์บุรี เข้าตรวจสอบอาคารพาณิชย์ 6 แห่งในพื้นที่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านในหมู่บ้านก้องตะวัน 2 ว่ามักเกิดเหตุกระแสไฟฟ้าตกและขัดข้องอยู่บ่อยครั้ง จนทำให้ได้รับความเดือดร้อน
และเมื่อเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าทำการบล็อกพื้นที่ตรวจสอบพบว่าภายในอาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งมีการใช้กระแสไฟฟ้าเกินขนาด และคาดว่าอาจจะถูกลักใช้ไฟ จึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กบินทร์บุรี ร่วมตรวจสอบ ซึ่งระหว่างนั้นได้มีชายขับรถยนต์กระบะตู้ทึบ ยี่ห้ออีซูซุ ดีแมคซ์ หมายเลขทะเบียน ข 7992 ชลบุรี ป้ายแดงเข้ามาจอดที่หน้าอาคารก่อนจะเปิดประตูเข้าไป
เจ้าหน้าที่จึงเข้าทำการสอบถามจนทราบชื่อคือ นายจ่อ วิน อายุ 30 ปี ชาวพม่า (ไทยใหญ่) ที่อ้างว่ามีหน้าที่ทำความสะอาดและดูแลอาคารทั้ง 6 แห่งที่ได้รับการว่าจ้างผ่านทาง LINE โดยไม่เคยเห็นหน้าผู้ว่าจ้าง
โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบภายในอาคารพาณิชย์ 2 ชั้นครึ่ง ในหมู่บ้านบ้านก้องตะวัน 2 ม.6 ต.กบินทร์ ติดถนนสาย 33 สุวรรณศร พบบริเวณชั้น 2 มีเครื่อง CPU (ใช้สำหรับขุดบิตคอยน์) จำนวน 15 เครื่อง และยังมีการนำแผ่นฟองน้ำซับเสียงหนาประมาณ 1.5 นิ้วติดทั่วฝาผนังห้องเพื่อไม่ให้เสียงเเครื่องขุดบิตคอยน์ที่กำลังทำงานอยู่ส่งเสียงดังออกไปด้านนอก
และจากการสอบสวนขยายผลยังทราบว่า ได้มีนายทุนเช่าอาคารดังกล่าวเพื่อใช้ขุดบิตคอยน์มานานกว่า 1 ปีแล้ว และยังเช่าอาคารพาณิชย์อีก 5 แห่ง ทั้งทางเข้าตลาดกบินทร์ เขตเทศบาลตำบลกบินทร์ อาคารพาณิชย์ในเขตเทศบาลตำบลกบินทร์ อาคารพาณิชย์ 3 ชั้นครึ่ง เยื้องธนาคารออมสินสาขากบิ
ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า อาคารพาณิชย์ที่ถูกเจ้าหน้าที่บุกยึดเหมืองบิตคอยน์ทั้งหมดน่าจะเป็นของกลุ่มทุนจีนที่เข้ามาในพื้นที่นานประมาณ 1 ปี ซึ่งในครั้งแรกแจ้งกับชาวบ้านว่า เช่าอาคารพาณิชย์ทั้งหมดเพื่อทำธุรกิจรับเหมา Built in แต่สิ่งที่ทำให้ผิดสังเกตคือเสียงดังคล้ายมีการทำงานของเครื่องจักรที่ดังออกมาจากอาคารทั้งกลางวันและกลางคืน และในทุก 2 สัปดาห์จะพบว่ามีคนเข้าออกและมักจะมีบุคคลที่มีลักษณะคล้ายชาวจีนเข้ามาจอดรถสังเกตการณ์ฝั่งตรงข้ามอาคารอยู่เป็นประจำ
ที่สำคัญบริเวณพื้นที่โดยรอบหมู่บ้านก้องตะวัน ซึ่งอยู่ใกล้กับอาคารพาณิชย์ดังกล่าวมักจะเกิดปัญหาไฟตกและไฟดับอยู่บ่อยครั้ง
ด้าน นายบัณฑิต ปานท้วม ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขา ระดับ 10 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขากบินทร์บุรี บอกว่าอาคารพาณิชย์ทั้ง 6 จุดเสี่ยงละเมิดการใช้ไฟฟ้า ซึ่งการใช้ไฟฟ้าเป็นประเภทละเมิดแบบเครื่องขุดบิตคอยน์ที่มีมูลค่าความเสียหายจากการละเมิดการใช้ไฟฟ้าเดือนละประมาณ 2 แสนต่อจุด และเมื่อรวมทั้ง 6 จุด จะมีมูลค่าความเสียหายต่อเดือนที่ 1.2 ล้านบาท หรือประมาณ 14.4 ล้านบาทต่อปี
“ต้องขอขอบคุณ ผกก.สภ.กบินทร์บุรี ที่ให้ความใส่ใจและทำงานอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมีทีมเฝ้าระวังเรื่องการใช้ไฟฟ้าในแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะในจุดที่มีความเสี่ยงเรื่องการใช้กระแสไฟฟ้าสูงเกินกว่าการใช้ไฟฟ้าของมิเตอร์ ซึ่งในกรณีนี้จากการตรวจสอบในตัวอาคารพบว่ามีความร้อนสูงจึงมั่นใจว่าจุดที่มีความเสี่ยงนี้มีการละเมิดแน่นอน” ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขา ระดับ 10 กล่าว
