พระนครศรีอยุธยา - ลูกเขยโหดยิงพ่อตาแม่ยายดับคาบ้าน ในพื้นที่ ต.อุทัย อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา เมียและลูกเลี้ยงเจ็บ ก่อนหนีข้ามจังหวัดสุดท้ายถูกรวบ อ้างโมโหถูกกีดกัน
วันนี้ (11 มี.ค.) พ.ต.ต.บุญเชิด เชิดบารมี สว.(สอบสวน) สภ.อุทัย ได้รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงด้วยอาวุธปืน เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 2 ราย เหตุเกิดภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ที่บ้านเลขที่ 60/137 หมู่ 13 ต.อุทัย อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา จึงรายงาน พล.ต.ต.นฤนาท พุทไธสง ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.มนัส อัดโดดดร ผกก.สภ.อุทัย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน แพทย์เวรโรงพยาบาลอุทัย พร้อมประสานเจ้าหน้าที่มูลนิธิพุทไธศวรรย์ ไปสนับสนุนที่เกิดเหตุ
ในที่เกิดเหตุพบเป็นบ้านทาวน์โฮม ชั้นเดียวปลูกติดกัน ภายในบ้านตรงประตูทางเข้าบ้าน พบร่างผู้เสียชีวิต ทราบชื่อคือ น.ส.สิริพร ตุดา อายุ 38 ปี มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่แขน ล้มหัวฟาดพื้น ภายในห้องนอนพบศพ นายณัฐวุฒิ นิ่มมาก อายุ 43 ปี นั่งพิงเตียงนอน มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ปาก ทั้ง 2 ราย เป็นสามีภรรยากัน
และยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาบราชธานี ทราบชื่อ น ส.เกษแก้ว จิตรดี อายุ 23 ปี เป็นลูกสาวของผู้เสียชีวิต มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่ใบหูซ้าย 1 นัด หัวไหล่ขวา 1 นัด และเด็กชาย วัย 5 ขวบ ลูกติดของผู้บาดเจ็บ มีบาดแผลที่นิ้วนางมือข้างซ้าย
จากการสอบถาม น.ส.มีนา เข็มแก้ว อายุ 43 ปี พี่สาวของ นางสิริพร ผู้เสียชีวิตกล่าวว่า ตนพักอาศัยคนละบ้านที่เกิดเหตุ ผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บมีอาชีพค้าขายผลไม้ จะไปรับผลไม้ที่ประเทศลาวแล้วมาส่งขายที่ตลาดไทยและตลาดสี่มุมเมือง 2-3 วัน จะกลับมาพักที่บ้าน ส่วนผู้ก่อเหตุ ทราบต่อมา คือ นายทรงพล คงคาไหว อายุ 46 ปี ทราบว่าครอบครัวของฝ่ายหญิงเพิ่งกลับมาที่บ้านหลังเกิดเหตุ จึงตามมาพูดคุย เพื่อเคลียร์ปัญหาน่าจะมีปากเสียงกัน จนมีการใช้อาวุธปืน ก่อนขับรถยนต์เก๋งสีดำหลบหนีไป
ทางด้าน พล.ต.ต.นฤนาท พุทไธสง ผบก.ภจว.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า จากการสอบสวนพยานผู้เกี่ยวข้องตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิด พบว่าผู้ก่อเหตุได้ขับรถยนต์เก๋งหลบหนีไป แล้วไปจอดรถไว้ที่โรงงานแห่งหนึ่ง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 25 กิโลเมตร ซึ่งเป็นที่ทำงาน จากนั้นได้ขับรถยนต์บรรทุก 6 ล้อ ของโรงงานเพื่อไปส่งสินค้าที่ต่างจังหวัดทางภาคเหนือ มุ่งหน้าไปตามถนนสายเอเชีย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้ติดตามไปพร้อมกับประสานตำรวจทางหลวง
ขณะนี้สามารถสกัดจับกุมตัว นายทรงพล ผู้ก่อเหตุได้ที่บริเวณใกล้เคียงสะพานต่างระดับชัยนาท จ.ชัยนาท จากการพูดคุยทางโทรศัพท์กับ นายทรงพล มาที่บ้านหลังเกิดเหตุ อ้างว่าจะเอาทองมาให้ผู้บาดเจ็บ แต่พ่อตาแม่ยายไม่ยอมให้เปิดประตูให้ จึงปีนรั้วเข้าไปภายในบ้าน เข้าไปคุยกับผู้บาดเจ็บ พ่อตาและแม่ยาย ออกมาต่อว่าจนเกิดการโต้เถียงกัน ใช้อาวุธปืนยิงพ่อตาเพราะจะเข้ามาทำร้าย และยิงแม่ยายจนเสียชีวิตแล้วหลบหนีไป เพื่อจะขับรถไปส่งสินค้าให้บริษัทให้เสร็จก่อนแล้วจะกลับมามอบตัว
นายทรงพล กล่าวตนและผู้บาดเจ็บคบหากันสามีภรรยา มีการผูกข้อไม้ข้อมือ แม่ของผู้เสียชีวิต และพ่อเลี้ยงรับรู้ โดยตนจะมาพักอาศัยอยู่ที่บ้านกับภรรยาในบางครั้ง ตนยอมรับว่ามีครอบครัวอยู่แล้ว และภรรยาก็รับรู้เช่นเดียวกัน ระยะหลัง ช่วงประมาณ 2 เดือน ที่ผ่านมา ตนมีปากเสียงกับภรรยา เพราะความหึงหวง จนถูกกีดกันจากแม่ยาย และพ่อเลี้ยง ของภรรยา ไม่ให้พบเจอกัน ภรรยาหลบไปอยู่กับบ้านญาติ แต่ตยังคงเสียเงินให้ภรรยา จะโอนให้ทุกครั้งที่ขอไป
จนคืนวันเกิดเหตุทราบว่าภรรยากลับมาที่บ้าน จึงได้กลับมาหาภรรยา เพื่อพูดคุยเคลียร์กัน ตะโกนเรียกภรรยาและโทรศัพท์เข้าไปคุยกับภรรยา แต่คนในบ้านไม่ยอมเปิดประตู จึงได้ปีนรั้วเข้าไปภายในบ้าน แล้วไปเปิดประตูหลังบ้านซึ่งไม่ได้ล็อกเข้าไปหาภรรยาที่ห้อง มีการพูดคุยกันจนจะเข้าใจกันอยู่แล้ว จังหวะนั้นแม่ยาย และพ่อเลี้ยงของภรรยา ได้เข้ามาในห้องมาต่อว่า จนมีปากเสียงกัน จนตนโมโห และส่วนตัวตนเองมีความหวาดระแวง พ่อเลี้ยง ของภรรยา ที่ชอบมาสนิทสนมกับกับภรรยา เกินกว่าลูกเลี้ยง จึงใช้อาวุธปืนยิงพ่อเลี้ยงของภรรยาไป 1 นัด ยิงแม่ยาย 1 นัด ยิงภรรยา 1 นัด แต่ตนไม่ได้ยิงลูกติดของภรรยา ที่บาดเจ็บที่นิ้วน่าจะถูกลูกหลงเฉี่ยวไป เพราะลูกของภรรยายืนอยู่ใกล้ๆ
จากนั้นได้ขับรถเก๋งไปจอดที่ทำงาน เพื่อขับรถบรรทุก 6 ล้อ ของบริษัทเพื่อไปส่งสินค้า ตั้งใจว่าเมื่อส่งสินค้าเสร็จจะเข้ามามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่มาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามไปจับกุมตัวได้ก่อน ยอมรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจทำไป กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว อาวุธปืนมีทะเบียนเป็นของตนเอง และเครื่องกระสุนปืนที่ใช้ก่อเหตุเป็นของตนเอง ที่ซื้อเก็บเอาไว้พกติดตัวตลอดเวลา นายทรงพล กล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย