เลย - 4 หนุ่มนักเรียนโรงเรียนเซไลวิทยาคม จ.เลย รวมกลุ่มนำภูมิปัญญาชาวบ้านร่วมกันทอผ้าฝ้าย ผ้าไหม เป็นผลิตภัณฑ์ผ้าที่ตลาดตอบรับ สร้างรายได้จริงระหว่างเรียน พร้อมเปิดเพจเฟซบุ๊กเข้าถึงลูกค้า ชูผลงานยังเข้ากับอัตลักษณ์ งานดอกฝ้ายบานจ.เลย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงเรียนเซไลวิทยาคม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเลย อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย มีภาพกิจกรรมของนักเรียนที่สืบทอดเรื่องราวดีๆ จากรุ่นสู่รุ่น อนุรักษ์ภูมิปัญญาทอผ้าพื้นเมือง เซไลจากในครอบครัวสู่โรงเรียนไม่ให้จางหาย พร้อมกับเรียนรู้เพิ่มเติมได้จากโรงเรียน โดยลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ สู่การปฏิบัติ และสามารถมีอาชีพเสริม เพื่อสร้างอนาคตหลังจบการศึกษา เป็นต้นแบบนักเรียนที่ดีไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด
เรื่องราวดีๆ ดังกล่าวเริ่มต้นจากเยาวชน 4-5 คนได้รวมกลุ่มกันทอผ้าฝ้าย ผ้าไหม ครบวงจร เพื่อสร้างรายได้ให้แก่ตนเองและครอบครัว ประกอบด้วย นายวีรภัทร สุขสมบูรณ์ (เจท) นักเรียนชั้น ม.5/1 ประธานกลุ่ม, นายรังสิมันต์ บุตนัย (บอส) นักเรียนชั้น ม.4/1, นายอภิวิชญ์ หวังหมู่กลาง (เวีย) นักเรียนชั้น ม.3/1 และนายธนากร ทองสุทธิ์ (อาร์ต) นักเรียนชั้น ม.3/1 ทำหน้าที่ ดูแลแปลงและช่วยสาวไหม, ทอผ้า
นางสาวพิชญาภัค สายปัญญา ผู้อำนวยการโรงเรียนเรียนเซไลวิทยาคม กล่าวว่า นักเรียนกลุ่มนี้เมื่ออยู่ที่โรงเรียนจะใช้ช่วงว่างจากการเรียนช่วยกันมาทอผ้า เข็นฝ้าย จะช่วยกันคนละอย่าง ซึ่งกิจกรรมส่วนนี้เป็นโครงการที่เรียกว่าทายาทหม่อนไหม เนื่องมาจากเมื่อเด็กกลุ่มนี้ว่างจะเดินทางมาที่ห้องฝึกทักษะงานอาชีพ เพื่อใช้เวลาว่าง โดยมารวบรวมความคิด รวมกลุ่มกันทำผ้าฝ้าย ผ้าไหม ตามภูมิปัญญาจากบ้านแล้วเอามาต่อยอด สามารถนำผลผลิตหรือผ้าในรูปแบบต่างๆ ไปจําหน่ายมีรายได้ระหว่างเรียน
ถือเป็นนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการที่ต้องการให้นักเรียนสามารถเรียนรู้จากโรงเรียน แล้วหารายได้ระหว่างเรียนได้ เป็นการสนับสนุนส่งเสริมโรงเรียนเรื่ององค์ความรู้ ซึ่งเด็กกลุ่มนี้มีความสนใจนำภูมิปัญญาพื้นบ้านมาประยุกต์เพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ และรวมกลุ่มกันมาหลายปีแล้ว ซึ่งทางโรงเรียนได้เชิญวิทยากรจากภายนอกมาช่วยเติมความรู้ โดยกรมหม่อนไหมเข้ามาสนับสนุนในโครงการทายาทหม่อนไหม ของศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ เลย
ปัจจุบันเด็กกลุ่มนี้ปลูกฝ้าย ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมที่บ้าน รวมถึงพื้นที่ริมถนนภายในโรงเรียน ก็ปลูกหม่อนเอาใบหม่อนเลี้ยงไหม ซึ่งหลังเลิกเรียนจะนำใบหม่อนกลับบ้านและไปแยกกลุ่มกันทอผ้าไหม ผ้าฝ้าย ต่อที่บ้าน และทำกิจวัตรที่บ้าน ปัจจุบันมีการรวมตัวกันเป็นกลุ่มที่ชื่อว่า “กลุ่มทอผ้าบ้านห้วยทรายคำ” พร้อมเปิด Facebook จำหน่ายสินค้า ซึ่งทางโรงเรียนจะคอยประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อส่งเสริมสนับสนุน อีกทางหนึ่ง
ด้านนายวีรภัทร สุขสมบูรณ์ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ปีที่ 5/1 ประธานกลุ่ม ทายาทหม่อนไหม เซไลวิทยาคม (กลุ่มทอผ้าบ้านห้วยทรายคำ) เล่าว่า เริ่มต้นนั้นลำบากมาก เริ่มแรกกลุ่มพวกเราต้องการจะทอผ้าลายเกล็ดเต่า มาถอดแบบจากในหมู่บ้านใกล้เคียง แต่มีเงินไม่พอจะซื้อด้าย จึงขอสมทบกับคุณยายที่เป็นเพื่อนบ้าน รวมกันได้ทั้งหมด 540 บาท จึงนำไปซื้อด้ายมา 4 กิโลกรัม
เมื่อซื้อด้ายมาเสร็จ จึงทำการทอจนสำเร็จ ปรากฏว่ามีคนสนใจพอสมควร ตอนนั้นขายผืนละ 150 บาท ขายได้ทั้งหมด 7 ผืน ได้เงินทั้งหมด 1,050 บาท จึงหักเงินส่วนที่ลงทุนไป 540 บาท เอาไว้เป็นกองกลาง ส่วนที่เหลือคือของพวกเรา ขณะที่โรงเรียนมีฐานการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง คือคาบเรียนที่ 6 หรือ 7 ในแต่ละวันเป็นช่วงว่างจากการเรียน ซึ่งทางโรงเรียนให้ความสำคัญต่อการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
ฐานการเรียนรู้ทายาทหม่อนไหมเซไลวิทยาคมมีทั้งหมด 4 กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรมการทอผ้า การเลี้ยงไหม การแปรรูปอาหาร และการปลูกหม่อนรดนํ้าพรวนดินใส่ปุ๋ย ซึ่งทางโรงเรียนให้การสนับสนุนอย่างดี ได้ออกงานกับชุมชน เช่น จัดนิทรรศการในงานฤดูหนาวอำเภอวังสะพุง 2 ครั้ง และเดินทางไปจัดนิทรรศการ เกี่ยวกับการทอผ้าที่ห้างเซ็นทรัล จังหวัดอุดรธานี มีสมาชิกเข้าไปแข่งขันสาวไหมที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น ทั้งเคยไปแข่งที่เขต 2 จังหวัดอุดรธานี ส่วนรายได้จากกิจกรรมนี้ เช่นการทอผ้า ได้โพสต์ลงเพจเฟซบุ๊ก มีผู้สนใจสั่งจองเข้ามาเรื่อยๆ จนมีรายได้เพิ่มขึ้นพอสมควร
ขณะที่นายประยูร อรัญรุท รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย กล่าวหลังจากเดินทางลงพื้นที่โรงเรียนเซไลวิทยาคม ว่า ในการส่งเสริมทำผ้าไหมผ้าฝ้ายของจังหวัดเลยนั้น เมื่อเห็นกิจกรรมของนักเรียนกลุ่มนี้แล้ว รู้สึกเป็นกิจกรรมที่ดีมาก เพราะว่ามีการสืบสานรักษาต่อยอดการทอผ้า ทำฝ้าย ทำไหม จากรุ่นสู่รุ่น ปู่ย่าตายายพ่อแม่และส่งมาถึงรุ่นลูกหลาน เพื่อจะสืบทอดเรื่องวิถีชีวิตความเป็นอยู่ เพื่อสร้างงานสร้างรายได้สร้างอาชีพในช่วงเรียน
เด็กนักเรียนสามารถพัฒนาตัวเองในการฝึกอาชีพ ในส่วนนโยบายจังหวัดเลยเองนั้น นายชัยพจน์ จรูญพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย พยายามจะชูเมืองเลยเป็นเมืองผ้าฝ้าย จะส่งเสริมการทอทำผ้าฝ้ายให้เป็นเอกลักษณ์ และอัตลักษณ์ของจังหวัดเลย เพราะมีตำนานว่าเมืองเลย เมืองแห่งดอกฝ้าย ซึ่งทุกปีจะจัดงานประจําปี คืองานดอกฝ้ายบานสืบสานวัฒนธรรมไทยเลย ซึ่งกิจกรรมของเด็กกลุ่มนี้ตอบโจทย์การจัดงานประจําปี
งานดอกฝ้ายบาน เป็นการส่งเสริมตั้งแต่ต้นจนถึงปลายทาง ต้นทางคือการปลูกฝ้าย หรือหม่อนไหม ซึ่งเรามีหน่วยงาน คือศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติจังหวัดเลย นอกจากนี้มีศูนย์ศิลปาชีพให้การสนับสนุน ซึ่งล้วนแล้วเป็นภูมิปัญญาประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งดีที่เห็นเด็กนักเรียนกลุ่มนี้เข้ามาทํากิจกรรม ทุกอย่างที่ทำเป็นการเรียนรู้ ใช้เวลาว่างนำไปประกอบอาชีพตัวเอง ฝึกทักษะอาชีพ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เป็นสิ่งดีน่าเชิดชู น่าส่งเสริม
สนใจติดต่อสอบถามรายละเอียด คุณเจท 09-8149-0685, กลุ่มทอผ้าบ้านห้วยทรายคำ หรือนางสาวพิชญาภัค สายปัญญา ผู้อำนวยการโรงเรียน 09-4539-7424 หรือ 08-9570-1732 ครูธนพร https://www.facebook.com/share/1AH9Aoty9u/