xs
xsm
sm
md
lg

จับชาวบ้านลอบตัดไม้รวกกลางป่า ขสป.สลักพระ ด้านอธิบดีกรมอุทยานฯ สั่งปิดป่าเขตสลักพระถาวร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กาญจนบุรี - จับชาวบ้านลอบตัดไม้รวกกลางป่า ขสป.สลักพระ ด้านอธิบดีกรมอุทยานฯ สั่งปิดป่าเขตสลักพระถาวร ใครลอบเผาจับได้ โทษสถานหนักปรับอ่วม

วันนี้ (8 มี.ค.) นายศิริรัตน์ บำรุงเสนา นายอำเภอศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ได้ประกาศประชาสัมพันธ์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า เรียน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำในชุมชน พี่น้องประชาชนชาวศรีสวัสดิ์ เมื่อวานผมได้รับรายงานจากชุดปฏิบัติการพิเศษของกรมอุทยานว่ามีการจับกุมผู้กระทำผิดลักลอบเข้าป่าเพื่อตัดไม้ไผ่รวก ที่หมู่บ้านแก่งแคบ ตำบลท่ากระดาน ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ซึ่งจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด มีโทษจำคุกและปรับ

ทั้งที่อำเภอศรีสวัสดิ์ได้มีมาตรการมากมายและขอความร่วมมือประชาชนแล้วว่าช่วงนี้ เรามีสถานการณ์ไฟป่า ต้องมีการป้องกันและแก้ไขอย่างจริงจัง มีชุดปฏิบัติการพิเศษทั้งของกรมอุทยาน และฝ่ายปกครองอำเภอเข้าตรวจตราอยู่ตลอด เพื่อให้อำเภอเราผ่านสถานการณ์นี้ไปให้ได้ เราจะได้มีป่าไว้เป็นแหล่งทำมาหากินตามกฎหมายได้ในช่วงปกติ

จึงขอความร่วมมือผู้นำฝ่ายปกครองในพื้นที่ และทุกภาคส่วน ได้ตรวจตราและเร่งประชาสัมพันธ์พี่น้องโดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย ให้หยุดการกระทำผิดกฎหมาย อย่าตกเป็นเครื่องมือของผู้จ้างวาน หรือยังคิดว่าเคยทำได้ก็ทำต่อ มิฉะนั้นท่านจะโดนจับกุม และป่าจะโดนปิดทุกพื้นที่ หมดทางทำมาหากินตลอดไป ขอบคุณที่ร่วมด้วยช่วยกันครับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังพบว่า เพจ “กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช” ได้นำภาพเจ้าหน้าที่จับกุมผู้กระทำความผิดพร้อมของกลางไม้รวก มาโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก”ว่า จับชายลักลอบตัดไม้ไผ่ในเขตสลักพระ ยึดของกลางกว่า 430 ลำ ตามนโยบายและข้อสั่งการของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้เข้มงวดกวดขันการป้องกัน ปราบปรามและหยุดยั้งการลักลอบเผาป่า ตลอดจนการลักลอบล่าสัตว์ป่าและการลักลอบตัดไม้ในพื้นที่ป่า

นายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา ผู้อำนวยการสำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2568 เวลา 14.15 น. เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ เจ้าหน้าที่สายตรวจปราบปราม สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายวินัย (ขอสงวนนามสกุล) พร้อมของกลางไม้ไผ่รวก จำนวน 430 ลำ ถุงย่าม และเชือกฟาง ขณะลักลอบตัดไม้ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ป่าบ้านแก่งแคบ หมู่ที่ 4 ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี

โดยเหตุการณ์ครั้งนี้เจ้าหน้าที่แสดงตัวเพื่อเข้าจับกุมนายวินัย ขณะกำลังนั่งมัดไม้ไผ่อยู่ที่ป่าข้างทาง ซึ่งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ นายวินัยได้วิ่งหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมได้ในเวลาต่อมา จากการสอบสวน นายวินัยให้การรับสารภาพว่า ได้ลักลอบตัดไม้ไผ่รวกในพื้นที่ดังกล่าวมาประมาณ 3 วัน เพื่อนำไปขาย เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา กระทำผิดตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 และพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 ในข้อหา "เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต" และ "เก็บหา นำออกไป หรือกระทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตราย หรือทำให้เสื่อมสภาพซึ่งไม้ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า"

สำหรับพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ประกอบด้วย มาตรา 53 ประกอบมาตรา 96 ผู้ใดฝ่าฝืนเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือนหรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมาตรา 55 (5) ประกอบมาตรา 100 ผู้ใดฝ่าฝืนเก็บหา นำออก หรือกระทำใดๆ ให้เสื่อมสภาพซึ่งไม้ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และเป็นการกระทำที่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ไม้ที่เป็นต้นหรือเป็นท่อนอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่างรวมกันเกินยี่สิบต้นหรือท่อน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 ประกอบด้วย มาตรา 54 ประกอบมาตรา 72 ตรี ผู้ใดฝ่าฝืนเก็บหา นำออก หรือกระทำใดๆ ให้เสื่อมสภาพซึ่งไม้ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรศรีสวัสดิ์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และนำของกลางไปเก็บรักษาไว้ที่หน่วยพิทักษ์ป่าห้วยสะด่อง จนกว่าคดีจะสิ้นสุด

นอกจากนี้ เพจกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ยังได้โพสต์อีกว่า ปิดถาวรป่าสลักพระ! อธิบดีอุทยานฯ เตือน! มือเผาป่า โทษหนักคุก 20 ปี ปรับ 2 ล้าน บวกค่าฟื้นฟูไร่ละ 120,000 บ่ท ทุกตารางนิ้วต้องชดใช้!

โดยนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ออกคำเตือนประชาชนถึงบทลงโทษรุนแรงสำหรับผู้ลักลอบเผาป่า ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของปัญหาหมอกควันและมลพิษทางอากาศ โดยยืนยันว่าจะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดกับผู้กระทำผิด ตามนโยบาย ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดเอาจริง เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดลักลอบเผาป่ามาลงโทษหนักให้ได้

การเผาป่าส่งผลกระทบรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพประชาชน ทั้งการทำลายระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศที่กระทบโดยตรงต่อสุขภาพ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ เด็ก และผู้สูงอายุ รวมถึงส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในพื้นที่ ผู้กระทำผิดฐานเผาป่าจะถูกดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 4-20 ปี และปรับตั้งแต่ 400,000-2,000,000 บาท

นอกจากนี้ ยังมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสามารถลงโทษเพิ่มเติมได้ตามความเสียหายที่เกิดขึ้น

อธิบดีกรมอุทยานฯ ย้ำว่า ผู้กระทำผิดจะต้องรับผิดทางแพ่งต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นกับทรัพยากรป่าไม้ในอัตราไร่ละ 120,000 บาท โดยเงินค่าเสียหายนี้จะนำไปใช้ในการฟื้นฟูสภาพป่าและระบบนิเวศที่ถูกทำลาย ทั้งนี้เมื่อพื้นที่ป่าเสียหายอย่างหนักจำเป็นต้องฟื้นฟูพื้นที่ เพราะจะกระทบแหล่งอาหารของช้างป่ารวมถึงสัตว์ป่าชนิดอื่นๆ ทำให้ช้างป่าและสัตว์ป่าออกนอกป่ามากขึ้น

ล่าสุด อธิบดีได้สั่งปิดเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระอย่างถาวร ห้ามเข้าไปเก็บหาของป่าทุกกรณีเพื่อฟื้นฟูพื้นที่ป่าอย่างไม่มีกำหนด หลังจากในช่วงที่ผ่านมาพบจุดความร้อน (Hotspot) ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จำนวน 839 จุด ซึ่งมากกว่าปีที่แล้วถึง 50% แสดงให้เห็นว่าชุมชนในเขตป่าและโดยรอบยังขาดการให้ความร่วมมือในการป้องกันไฟป่า

นอกจากนี้ ยังเป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่เกิดไฟป่าสูงสุดของประเทศไทย โดยในปีงบประมาณ พ.ศ.2568 มีการดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับการเผาป่าแล้ว จำนวน 39 คดี มีผู้ต้องหา 10 คน และมีพื้นที่เสียหายกว่า 2,182 ไร่ สำหรับภาพรวมสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ทั่วประเทศ พบเกิดจุดความร้อน (Hotspot) จำนวน 11,595 จุด ซึ่งลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับห้วงเวลาเดียวกันกับปี พ.ศ.2567 ถึง 20%

จากโพสต์ดังกล่าว นายวสันต์ สุนจิรัตน์ อดีตกำนันตำบลช่องสะเดา องเมือง จ.กาญจนบุรี ได้แสดงความคิดเห็นใต้โพสต์ว่า "ขอแสดงความคิดเห็นในฐานะที่ผมเป็นคนในพื้นที่ผมและทีมงานได้ดูแลไม่ให้เกิดไฟในพื้นที่ชุมชนที่ติดต่อกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระกับชุมชน ถึงจะเกิดไฟบ้างแต่เป็นส่วนน้อย พอเกิดจะช่วยกันดับ แต่ที่ชุมชนและประชาชนตั้งข้อสงสัย ไฟที่เกิดขึ้นกลางป่าที่พี่น้องประชาชนเข้าไม่ถึง มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ไม่ใช่โยนความผิดให้ประชาชน ลองช่วยกันคิดดูครับ ถ้าสงสัยอะไรกับตัวผมโทรได้เลยครับ"








กำลังโหลดความคิดเห็น