นครสวรรค์ – ย้อนรอยคดีสะเทือนขวัญ.. “ผกก.โจ้ถุงดำ” ที่เปลี่ยนเรื่องราวตำรวจดาวรุ่งแห่งเมืองปากน้ำโพ กลายเป็น ตร.ฉาวโฉ่ และจุดจบที่น่าสลดใจในเรือนจำ
พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือที่รู้จักกันในชื่อ "ผู้กำกับโจ้" เคยเป็นตำรวจดาวรุ่งในวงการสีกากี ด้วยบุคลิกที่สง่างาม โปรไฟล์การทำงานที่โดดเด่น และไลฟ์สไตล์หรูหรา เป็นที่รู้จักในฐานะนายตำรวจหนุ่มที่มีรสนิยมสูง ใช้ชีวิตหรูหรา ขับรถซูเปอร์คาร์หลายคัน จนได้ฉายาว่า "โจ้เฟอร์รารี่" และได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์
แต่แล้วภาพลักษณ์ของนายตำรวจหนุ่มผู้ทรงอิทธิพลก็พังทลายลง และผู้คนในสังคมไทยต้องตกตะลึง เมื่อ 22 สิงหาคม 2564 มีการเปิดเผยคลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดภายในห้องสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ แสดงให้เห็นภาพของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ และพวก กำลังใช้ถุงดำคลุมศีรษะนายจิระพงศ์ ธนะพัฒน์ ผู้ต้องหาคดียาเสพติด พร้อมทั้งซ้อมและบีบคอ เพื่อรีดเอาเงิน 2 ล้านบาท แลกกับการไม่ดำเนินคดี
ในคลิปเผยให้เห็นชัดเจนว่า ผู้กำกับโจ้ใช้ถุงดำคลุมหัวผู้ต้องหาถึง 6 ชั้น จนทำให้ขาดอากาศหายใจและเสียชีวิตในที่สุด ขณะที่นายตำรวจรายอื่นในห้องกลับไม่มีใครห้ามปราม ซึ่งภายหลัง มีการรายงานว่า ทีมของผู้กำกับโจ้พยายามปกปิดความผิด ด้วยการนำร่างผู้ต้องหาไปส่งโรงพยาบาล อ้างว่าเสียชีวิตจากเสพยาเกินขนาด แต่เมื่อนิติเวชตรวจสอบ พบว่าผู้ตายขาดอากาศหายใจและมีร่องรอยถูกทำร้าย
หลังคลิปถูกเผยแพร่ กระแสสังคมเรียกร้องให้ดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด ผู้กำกับโจ้หลบหนีออกจากนครสวรรค์ ทิ้งปมปริศนาให้สังคมสงสัยว่ามีขบวนการช่วยเหลือหรือไม่ กระทั่งต่อมา วันที่ 26 สิงหาคม 2564 ตำรวจสามารถจับกุมตัว พ.ต.อ.ธิติสรรค์ ได้ที่จังหวัดชลบุรี โดยขณะถูกจับกุม เจ้าตัวร้องไห้และยกมือไหว้ ยอมรับว่า””ใช้ถุงดำคลุมหัวจริง แต่อ้างว่าไม่ได้ต้องการฆ่า เพียงแค่ต้องการเค้นข้อมูลเกี่ยวกับยาเสพติด จากนั้น เขาจึงถูกส่งตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
ต่อมา วันที่ 8 มิถุนายน 2566 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาประหารชีวิต พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล และตำรวจลูกน้องรวม 6 นาย ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา อย่างไรก็ตาม ศาลเห็นว่าเจ้าตัวให้การเป็นประโยชน์จึงลดโทษให้เหลือจำคุกตลอดชีวิต
และหลังจากใช้ชีวิตในเรือนจำคลองเปรมเป็นเวลาเกือบ 2 ปี กระทั่งกลางดึกคืนวันที่ 7 มีนาคม 2568 มีรายงานว่า พ.ต.อ.ธิติสรรค์ ได้จบชีวิต ด้วยการผูกคอภายในห้องขัง ท่ามกลางข้อสงสัยของสังคมว่าเป็นการฆ่าตัวตายจริง หรือมีเบื้องหลังอื่นแอบแฝง
อย่างไรก็ตาม คดีของผู้กำกับโจ้เป็นกรณีตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงอำนาจและการใช้อำนาจเกินขอบเขตของตำรวจที่ไม่ได้รับการตรวจสอบอย่างเข้มงวด สิ่งที่เกิดขึ้นนำไปสู่คำถามมากมายเกี่ยวกับการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม และการป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก และแม้ว่าคดีนี้ จะปิดฉากลงด้วยโศกนาฏกรรมของตัวผู้กระทำผิดเอง แต่ความเจ็บปวดของครอบครัวผู้เสียชีวิต และความเสื่อมศรัทธาต่อองค์กรตำรวจ ยังเป็นบาดแผลที่ต้องเยียวยา
